ข้อมูลและรีวิว Forester SJ 2013

[Beerrl]

ชอบตัว XT มากเลย ล้อดูลงตัวมากๆ แรงแน่
แต่ตัวธรรมดา ผมว่า XV น่าสนใจกว่าด้วยเรื่องของราคา

[Chaiyaporn]

 ผมเพิ่งออก  XV เพราะมีกำลังได้แค่นี้ ยังไม่ค่อยจะชินสักเท่าไรเพราะเพราะเคย ขับแต่ Corona แต่ตอนไปจองเห็น Forester XTว่าเป็นเครื่อง 2.0 เหมือนกันแต่มีระบบวาวล์แปลผันเลยคิดว่าถ้าสามารถทำให้เจ้าเครื่องตัวนี้มันไปอยู่ใน XV มันจะทำให้แรงและประหยัดขึ้นบ้างไหมหนอ ?

[FozMedic]

ผมเพิ่งออก  XV เพราะมีกำลังได้แค่นี้ ยังไม่ค่อยจะชินสักเท่าไรเพราะเพราะเคย ขับแต่ Corona แต่ตอนไปจองเห็น Forester XTว่าเป็นเครื่อง 2.0 เหมือนกันแต่มีระบบวาวล์แปลผันเลยคิดว่าถ้าสามารถทำให้เจ้าเครื่องตัวนี้มันไปอยู่ใน XV มันจะทำให้แรงและประหยัดขึ้นบ้างไหมหนอ ?

น่าจะไม่ประหยัดขึ้น แต่แรงขึ้นแน่นอนครับ เจ้า FA20dit ใน forester ออกแบบมาต่างหาก แทบจะไม่ได้ใช้พื้นฐานร่วมกับ FB20 เลยครับ จึงอาจเป็นการยากถ้าจะนำมาลง XV ครับ

[Chaiyaporn]

 

[FozMedic]

ขับ SJ มาหลายวันเหงามาก ไม่เจอเพื่อน forester เลย... แถมยังโดนสบประมาทว่ารถรุ่นนี้ขายได้ไม่ถึงร้อยคันหรอก... ใครลังเลอยู่รีบตัดสินใจด่วน ยินดีตอบคำถามทุกอย่างในฐานะ user คนหนึ่งครับ

[lucky_suby]

ขับ SJ มาหลายวันเหงามาก ไม่เจอเพื่อน forester เลย... แถมยังโดนสบประมาทว่ารถรุ่นนี้ขายได้ไม่ถึงร้อยคันหรอก... ใครลังเลอยู่รีบตัดสินใจด่วน ยินดีตอบคำถามทุกอย่างในฐานะ user คนหนึ่งครับ

รบกวนทำรีวิวหน่อยได้มั๊ยครับ

นั่งสบายมั๊ย handling เป็นไง ช่วงล่าง ความรู้สึกต่างๆ ผมว่าราคากับออพชั่นดี อยากทราบช้อมูลเพิ่มครับ

ขอบคุณครับ

[FozMedic]

ไม่เคยทำ review เลย แต่จะพยายามดูนะครับ ที่พอทำได้น่าจะเป็น
1. จอ MFD
2. handling
3. เครื่องยนต์/สมรรถนะ
4. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

จะทยอยทำทีละอย่างละกัน สำหรับข้อ 2-3 ขออนุญาตใช้ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ

 

[FozMedic]

1. จอ MFD (Multi-Function Display)

จอ MFD เป็นของเล่นที่ XV ในตลาด ASEAN ยังไม่มีมาให้ (มันจะกี่ตังกันเชียว...) มีลูกเล่นหลายอย่าง อย่างแรกมันสามารถแสดงเวลา โดยเลือกเป็นแบบ analog หรือ digital ได้ แสดงอัตรากินน้ำมัน real time ในหน่วยลิตร/100 กม. และอัตรากินน้ำมันเฉลี่ยในหน่วยเดียวกันในรูปแบบกราฟแท่ง และตัวเลข ซึ่งจะเชื่อมโยงเข้ากับ trip meter ที่สามารถเลือกได้ 2 trip คือ trip A และ trip B ตรงนี้มีประโยชน์ทีเดียวเพราะเราอาจเซ็ท 0 trip A ไว้เมื่อเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ส่วน trip B อาจเซ็ทไว้ก่อนขับรถออกจากบ้านแต่ละวัน ทำให้ดูอัตรากินน้ำมันเฉลี่ยได้ละเอียดขึ้น

เอา link มาจาก youtube นะครับ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ftFqtB7O6fE" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=ftFqtB7O6fE</a>

ของเล่นตัวนี้ยังสามารถกดเปลี่ยนให้แสดงสถานะของระบบ AWD ได้ด้วย โดยแสดงให้เห็นล้อทั้งสี่ หากล้อทั้งสี่หมุนพร้อมกันจะปรากฎสีเขียวที่ล้อ แต่ถ้ามีล้อใดหมุนฟรีจะแสดงผลเป็นสีเหลือง อีกอันนึงที่น่าจะมีประโยชน์มากหน่อยคือ triple display ซึ่งจะรายงานสถานะอะไรก็ได้ 3 รายการให้อยู่ในจอเดียวกัน สามารถเลือกสลับไปมาได้ ค่าเริ่มต้นคือ (1) % การเปิดคันเร่ง (2) อัตรา boost ของ turbo ในหน่วยกิโลปาสคาล (ต้องคูณ 14 จึงจะได้หน่วย psi) (3) อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ซึ่งวิ่งปกติอยู่ที่ 92-98 องศา C ถ้ากดหนักๆหน่อยจะขึ้นไปเกิน 100

จอ MFD ยังเป็นตัวแสดงผลจากกล้องถอยหลังอีกด้วยเมื่อเกียร์อยู่ในตำแหน่ง R (ถอยหลัง) นอกจากนั้นก็ยังมีลูกเล่นอื่นๆ เช่น แสดงคลื่นวิทยุที่เปิดอยู่ ชื่อเพลงใน MP3 นอกจากนั้นยังตั้งเตือนค่าต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบ anniversary และตั้งเตือนการ service เช่นระยะที่จะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง สลับยาง ฯลฯ

จบ review จอ MFD เท่านี้ก่อนนะครับ อีกไม่นานจอ MFD ตัวนี้คงเชยระเบิด เพราะเทคโนโลยีทำนองนี้เปลี่ยนไปเร็วมากกว่าอายุรถมาก

[oldman]

ขับ 2.0xt มาได้7วันแล้วครับ สี ice silver กำลังหาเพื่อนอยู่ครับ

[FozMedic]

ขับ 2.0xt มาได้7วันแล้วครับ สี ice silver กำลังหาเพื่อนอยู่ครับ

ยินดีต้อนรับครับ ice silver เหมือนกันด้วย 

[aof_impz]

กำลังจะไปจองครับแต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาตัวไหนดี ระว่าง 2.0 กับ xt ราคาที่ต่างกัน520000 บาท คุ้มค่าเปล่าครับที่ศูนยมีแต่ตัว2.0ให้ลองถ้าได้ลองตัวเทอรโบน่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เท่าที่ดูต่างกันแค่เครื่อง 90 แรงม้า
กันชนหน้า
ล้อแมก
ประตูหลังเปิดปิดไฟฟ้า
เครื่องเสียงharman

อยากลอกอัตรตราเร่งมากๆว่าถ้าเทียบกับหมูคอขาว2.5tมันเทียบเท่ากันป่ะครับ

และได้โปรโมชั่นอะไรบ้างครับมาแชรกันหน่อย

[FozMedic]

2. Handling

ผมคงเป็นหนึ่งในอีกหลายๆคนที่ไม่ได้เล่นรถ subaru มาตั้งแต่เดิม แต่เพิ่งจะมาชอบซูในช่วงหลังจากแนวทางของ FHI ที่แม้ว่าจะใช้กลยทธ์ผลิตรถบ้านๆมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อเอาใจตลาด mass แต่ยังคงรักษาและหวงแหนดูแล core value ของตัวเองไว้เป็นอย่างดี และสร้างการรับรู้ของลูกค้าว่ารถ subaru คือ รถที่ใช้เครื่อง Boxer จุดศูนย์ถ่วงต่ำ และมี AWD ที่ดีที่สุดในกลุ่มรถระดับราคาต่ำ-ปานกลางที่ใช้ระบบ AWD แบบ multi-plate clutch ที่ไม่ใช่รถหรูอย่าง BMW X3 หรือ Audi Q5 ซึ่งหลายคนมองว่ามีระบบ AWD ที่ก้าวหน้ากว่าด้วยระบบ TDC (ย่อมาจากอะไรไม่รู้...5555) อีกทั้งยังตอกย้ำความเป็น "Confidence in Motion" เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับระบบ AWD ของตัวเองในการสื่อสารองค์กรทุกรูปแบบ ผมคิดว่า subaru มาถูกทาง และการใช้สโลแกน "Confidence in Motion" ยังน่าจะไปได้อีกไกล เพราะมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

กลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่นี้เป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มลูกค้าเดิม ในขณะที่กลุ่มลูกค้าเดิมส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยปลื้มกับแนวทางของ FHI นี้เท่าไหร่ เพราะจิตวิญญาณของ subaru ในแบบเดิมนั้น ได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว มันชัดเจนมาก เพราะยอดขายของ subaru ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นทุกตลาด ทำให้โรงงานใน gumma และ lafayate แทบจะผลิต subaru ไม่ทันกับความต้องการ

ผมเองมีความต้องการยานที่สร้างความมั่นใจ มีงานวิศวกรรมที่ดี ปลอดภัย และแรงฉุดลากที่ดีในยามขับขี่ต่างจังหวัด เพราะมีภารกิจต้องไปบ่อยๆ บวกกับความต้องการในการทำงานที่ต้องวิ่งลุยโคลนลื่นๆในไซต์งานบ่อยครั้งอีกเช่นกันในช่วงฤดูฝน รถที่เลือกจึงต้องเป็น AWD และมีความสูงใต้ท้องรถที่มากกว่ารถเก๋งธรรมดา

เมื่อใช้งานจริงตั้งแต่ขับออกจากโชว์รูมวันแรก ก็รู้สึกได้ถึงระบบขับเคลื่อนและช่วงล่างที่ยอดเยี่ยม .. ผมไม่มีความรู้ด้านเทคนิคอะไรมาก แต่รู้สึกว่า subaru ตั้งใจเซ็นช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนเอาไว้ดีมากๆ ไม่ว่าจะขับด้วยความเร็วต่ำ จนถึงความเร็ว 150 km/hr (ยังลองขับได้เร็วเพียงแค่นี้) ก็พบกับความนิ่งและมั่นใจเป็นอย่างมากกว่ารถคันอื่นที่เคยขับมาทั้งหมด ความรู้สึกเหมือนล้อทั้งสี่อยู่บนพื้นถนนอย่างแน่นหนาตลอด แต่ก็ยังไม่ได้เล่นอะไรแรงๆมาก ได้ลองขับเข้าโค้ง S ช่วงลงทางด่วนพระราม 6 ความเร็ว 80 km/hr เข้าโค้งได้นิ่งๆ จึงเติมความเร็วขึ้นไปอีก น่าจะถึง 90-100 ยางเริ่มร้องจากการยึดเกาะที่เกือบจะถึงจุด limit จนได้ยินเสียงชัด แต่ตัวรถถูกดึงเข้าโค้งแบบ ชิว ชิว เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น

สำหรับความรู้สึกในด้านการขับขี่ แม้ช่วงล่างจะถูกเซ็ทให้แข็งกว่ารุ่นปกติถึง 30% ก็ไม่ได้รู้สึกว่านั่งไม่สบาย ซึ่งผมเองก็แปลกใจว่าทำได้อย่างไร แน่นอนว่าความแข็งของมันดูจะค่อนข้างแข็งกว่า captiva LTZ diesel อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในความเร็วต่ำจะสะเทือน แต่ลักษณะมันต่างจากความแข็งแบบรถ PPV อย่าง fortuner รุ่นแรก ซึ่งจะนั่งแล้วน่ารำคาญกว่ามาก

ที่ผ่านมายังไม่เคยลอง x-mode บนทางโคลนหรือทรายเลยซักครั้ง เจ้า x-mode ที่เพิ่งจะเอามาใส่ forester เป็นรุ่นแรกมันจะผนวกระบบ AWD ที่มี sensor input มากขึ้นกว่า AWD เดิม เข้ากับ hill decent control ที่จะคุมความเร็วลงที่ลาดชันสูง ให้วิ่งด้วยความเร็วต่ำโดยไม่ต้องเหยียบเบรก เจ้า sensor input ที่รับข้อมูลเข้ามารับได้ถึงอาศาการหักพวงมาลัย และองศาก้ม-เงย เอียงซ้าย-ขวา และแรงยึดเกาะแต่ละล้อ เอามาประมวลผลว่าควรส่งกำลังไปที่ล้อใด ซึ่งมั่นน่าสนใจมากทีเดียวกับแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตามสภาพแบบเมืองไทยมันคงลุยถึกสู้ 4WD แท้ๆไม่ได้ แต่หากมีโอกาสลอง x-mode เมื่อไหร่จะเอามาเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ

[Yak]

คุณMedic1669 review ได้ดีครับตามอ่านอยู่ครับ

[SOM]

ถ้าไปเอาตัว 2.0 แล้วอยากได้ turbo ส่วนต่าง 500000 บาท ไม่พอค่าวางเครื่องนะครับ 

[mr_oui]

กำลังจะไปจองครับแต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาตัวไหนดี ระว่าง 2.0 กับ xt ราคาที่ต่างกัน520000 บาท คุ้มค่าเปล่าครับที่ศูนยมีแต่ตัว2.0ให้ลองถ้าได้ลองตัวเทอรโบน่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เท่าที่ดูต่างกันแค่เครื่อง 90 แรงม้า
กันชนหน้า
ล้อแมก
ประตูหลังเปิดปิดไฟฟ้า
เครื่องเสียงharman

อยากลอกอัตรตราเร่งมากๆว่าถ้าเทียบกับหมูคอขาว2.5tมันเทียบเท่ากันป่ะครับ

และได้โปรโมชั่นอะไรบ้างครับมาแชรกันหน่อย

Turbo โลดครับ อัตราเร่งมันอาจสู้เกียร์ธรรมดาไม่ได้ครับแต่ก็ไม่ขี้เหร่ครับ ถ้าไม่Turbo ต้องทำใจเรื่องอัตราเร่งครับ (เหมือน XV)
โดยลักษณะตัวเครื่องก็ต่างครับ เครื่องTurbo เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่ฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาใหม้โดยตรง (ประหยัดน้ำมันขึ้น + อัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่า Forester ตัวเก่า)
ในความคิดผมผมว่ารถมันดึงดีก็ต่อเมื่อวิ่งเกิน 80กม/ชม ดึงยาวไปถึง 160 ครับ