ผู้เขียน หัวข้อ: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ  (อ่าน 8972 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« เมื่อ: ตุลาคม 11, 2013, 10:55:39 pm »
พอดีว่าเร็วๆนี่มีโครงการจะถอย impreza wrx sti จากศูนย์ครับ
อยากทราบว่าพี่ๆส่วนใหญ่ซื้อมาแล้วแต่งอะไรกันบ้างครับ
ผมไม่เคยเล่นรถแรงๆเลย นี่ครั้งแรก ผมกะว่าออกมาแล้วจะเอาไปโมเลย
อยากได้รถแรงแต่เสียงไม่ดังมากครับ ที่สำคัญอยากได้เสียงอัดอากาศในรถ
ผมควรแต่งยังไงครับ แนะนำหน่อยครับ ภายนอก ภายในผมพอใจแล้วครับ
ที่เหลือก็เครื่องยนต์ รบกวนแนะนำทีครับ  :bbbear_19:

ออฟไลน์ ReTRO RACER

  • เขาเรียกผมว่า "เด็กเชียร์ซู"
  • *
  • กระทู้: 3,181
  • Popular Vote : 52
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 11, 2013, 11:49:21 pm »
ขับเดิมๆให้อยู่มือก่อนเถอะครับ
ด้วยความหวังดี :bbbear_19:
เกลียดจริงๆพวก "มือถือสาก ปากถือศีล ชอบสร้างภาพ เก่งแต่ปาก"

ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 12:55:10 am »
ขับเดิมๆให้อยู่มือก่อนเถอะครับ
ด้วยความหวังดี :bbbear_19:

ขอบคุณมากครับ แต่ติดอย่างเดียว ผมอยากได้เกจวัดค่าต่างๆในรถ
กับเสียงอัดอากาศอ่ะครับ ต้องแต่งอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ
แล้วเกจวัดนี่ เขาใช้วัดอะไรในรถหรอครับ ผมไม่มีความรู้จริงๆ
ต้องรบกวนด้วยครับ

ออฟไลน์ mystic

  • แก๊งค์ฝั่งธน (มดแคระ)
  • *
  • กระทู้: 5,361
  • Popular Vote : 172
  • Gcปลอม
    • http://www.guitarthai.com/classified/question.asp?QID=438207
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 03:28:53 am »
ผมเซฟมาจากไหนจำไม่ได้ละครับ น่าจะเป็นประโยชน์กับท่านเจ้าของกะทู้ครับ
1. มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)
มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้งเทอร์โบเข้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้มาให้ เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ  และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เองที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้น ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง หรือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์วของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตราการบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น Bar (บาร์) หรือว่า psi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ

2. มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ (WATER TEMP METER)
สำหรับมาตรวัดความร้อน ตามปกติในรถธรรมดาทั่วไป ก็จะมีติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ว่ารถยนต์ทั่วไปนั้นอาจไม่ได้อ่อนไหวในเรื่องของความร้อนมากนัก ค่าแสดงให้เห็นจึงไม่ละเอียดมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะทางโรงงานตั้งใจทำมาอย่างนั้น เพื่อคนขับจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เกจความร้อนขยับสูงขึ้น นั่นหมายความว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างมาก ทว่าถ้าเป็นในรถธรรมดา อาจจะยังไม่ก่อปัญหามากนัก ขณะที่รถยนต์ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบและมีการโมดิฟาย หรือปรับบูสต์ เรื่องปัญหาความร้อนมีความสำคัญมาก  เพราะอาจหมายถึงความเสียหายที่เกิดกับเครื่องยนต์ได้เลยทีเดียว โดยปกติ เซ็นเซอร์ ที่ใช้วัดความร้อนของเครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ตรงท่อน้ำที่ออกจากเครื่อง ซึ่งอุณหภูมิโดยปกติที่เครื่องยนต์ทำงานควรจะอยู่ที่ราว 90-100 องศาเซลเซียส และควรควบคุมไม่ให้สูงขึ้นเกินไปกว่า 120 องศาเซลเซียส หากว่าอุณหภูมิยังสูงขึ้นก็พอมีวิธีแก้ไขคือ เพิ่มขนาดของหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้น เปิดกันชนหน้าให้ลมผ่านเข้าหม้อน้ำได้ง่ายขึ้น หรือไม่ก็เจาะสคูปดักลมบนฝากระโปรงหน้า ให้ลมเข้ามาเป่าห้องเครื่อง วิธีการเหล่านี้พอจะสามารถทำให้เครื่องยนต์เย็นได้บ้างเหมือนกัน

3. มาตรวัดรอบ (TACHO METER) RPM
สำหรับมาตรวัดรอบ ก็เหมือนกับมาตรวัดความร้อน คือรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งมาให้จากโรงงานอยู่แล้ว  แต่สาเหตุที่มีบางคนต้องไปติดเพิ่มอาจจะมาจากเหตุผลต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าเป็นอุปกรณ์ตกแต่งสร้างความสวยงาม  หรือความเท่ แต่กับบางคนอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ อย่างรถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายเปลี่ยนไปใช้แคมฯ องศาสูงมาก ๆ  จนทำให้สามารถเร่งรอบได้มากกว่าเดิม ซึ่งวัดรอบที่มีติดมากับรถ ไม่สามารถแสดงข้อมูลได้เพียงพอ จึงต้องหาอันใหม่มาติดเข้าไป หรือในรถยนต์ที่ทำขึ้นมาสำหรับการแข่งขันควอเตอร์ไมล์ซึ่งจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องการให้ความสำคัญมาก การตัดสินแพ้ชนะอยู่ที่เวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที ดังนั้นมาตรวัดรอบที่มาพร้อมไฟเตือน  จึงกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยได้อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามการแพ้ชนะไม่ได้เพียงอุปกรณ์ที่ว่าเท่านั้น จังหวะฝีมือ สมาธิ ในการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า     

4. มาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง (OIL TEMP METER)
อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะถือว่ามีผลกระทบกับเครื่องยนต์โดยตรง หากว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูงเกินไป เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ใช้  ซึ่งในตลาดน้ำมันเครื่องแยกเป็นหลายประเภท มีทั้งแบบทนความร้อนสูงที่อุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส ส่วนบางประเภทอุณหภูมิแค่ 110 องศาเซลเซียส ก็ทนไม่ไหวกลายสภาพเป็นน้ำก็มี โดยปกติของอุณหภูมิน้ำมันเครื่องจะสูง-ต่ำ ไปในแนวทางเดียวกับอุณหภูมิของเครื่องยนต์หรืออุณหภูมิหม้อน้ำ ซึ่งถ้าความร้อนของน้ำขึ้น อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ในสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องให้อยู่ในช่วง 80-110 องศาเซลเซียส ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้นไปเกิน 120 องศาเซลเซียส ควรทำให้เย็นลงก่อนจึงใช้งานเครื่องยนต์ต่อไป สำหรับทางออกในการช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง รถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมักมีการใส่ OIL COOLER เข้าไปช่วยก็ทำให้อุณหภูมิน้ำมันเครื่องไม่สูงเกินไป

5. มาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง (OIL PRESSURE METER)
มาตรวัดตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ น้ำมันเครื่อง โดยค่าที่แสดงออกมาให้เห็นจะเป็นเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบสูงๆหรือขณะที่เครื่องยนต์ มีอุณหภูมิในการทำงาน เพราะเมื่อน้ำมันเครื่องเจอเข้ากับความร้อนสูง ๆ จะถูกหลอมให้เหลวลง และถ้าน้ำมันเครื่องเหลวมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพความหล่อลื่นก็จะลดลงการสึกหรอ จนถึงการ ระบายความร้อนก็จะลดประสิทธิภาพลงตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบตรงจุดนี้จึงมีความสำคัญ ซึ่งมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องจะเป็นตัวบ่งบอกข้อมูลนี้ได้ โดยในการแสดงข้อมูลให้เห็นนั้น หากว่ามีแรงดูดน้อย ที่เรียกว่า "แรงดันต่ำ" จะถือว่าการหล่อลื่นไม่ดี เพราะแสดงถึงว่าน้ำมันเครื่องเหลวมาก ใช้แรงดูดน้อยก็ไหลเข้ามาแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าน้ำมันเครื่องมีความหนืดมาก แรงดูดก็ต้องใช้แรงมาก  เรียกว่า "แรงดันสูง" จะสังเกตได้ว่าเวลาที่น้ำมันเครื่องยังคงเย็น มาตรวัดจะแสดงว่ามีแรงดันสูง แต่เมื่อความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำมันเครื่องคลายความหนืดลง ความดันก็จะเริ่มต่ำลงมา สำหรับรถยนต์โดยทั่วไปในขณะวิ่ง แรงดันน้ำมันเครื่องควรอยู่ที่ประมาณ 3 - 4 kg/cm2 หรือหากสูงมากก็ไม่ควรจะเกิน 6 kg/cm2

6. มาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสีย (EX. TEMP METER)
อุณหภูมิของท่อไอเสีย หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงานของเครื่องยนต์ ทว่าในความเป็นจริงมันมีส่วนที่สัมพันธ์กับแรงดันน้ำมัน หรือการไหลของอากาศสำหรับรถที่ผ่านการโมดิฟาย นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ ก็คือ ปริมาณการจ่ายน้ำมันเบนซิน ซึ่งปริมาณน้ำมันเบนซินจะมากจะน้อย ก็สามารถวัดได้จากมาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสียนี่เอง  ซึ่งหากมีการปรับน้ำมันให้อ่อนลง จะทำให้อุณหภูมิของท่อไอเสียเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้ามน้ำมันแก่ อุณหภูมิของท่อไอเสีย ก็จะต่ำลง ดังนั้นมาตรวัดอุณหภูมิไอเสีย จึงสามารถบอกข้อมูลของรถในขณะวิ่งได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไป มาตรวัดอากาศไหลเข้า  หรือว่ามาตรวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ใช้บอกข้อมูลในทางเดียวกัน

7. มาตรวัดแรงดันเชื้อเพลิง (FUEL PRESSURE METER)
สำหรับมาตรวัดตัวนี้ใช้เป็นตัวเช็คแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ในขณะที่เหยียบคันเร่งแล้วน้ำมันขึ้นมาตามปริมาณที่เราออกแรงกดลงไปบนคันเร่งหรือไม่ สำหรับคนที่ใช้รถแบบปรกติหรือใช้บนถนนทั่วไป มาตรวัดตัวนี้คงจะไม่จำเป็น อย่างไรก็ดีหากว่า ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดเกิดมีปัญหาขึ้นมา มาตรวัดที่บอกค่าของแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็สามารถเป็นตัวบอกความผิดปกติได้ วิธีดูมาตรวัดตัวนี้ จะใช้ดูค่าในขณะที่รถยนต์ติดเครื่องเดินเบาเป็นหลัก สำหรับรถยนต์ที่มีเทอร์โบติดตั้งอยู่ด้วยค่าของแรงดันนี้จะขึ้นไปตามอัตราการบูสต์ เช่น ค่าที่วัดได้ในขณะเดินเบามีค่าเป็น 3 บาร์ แต่เมื่อเทอร์โบบูสต์ไป 1 บาร์ ค่าบนของมาตรวัดจะชี้ไปที่ 4 บาร์ ซึ่งหากว่าแรงดันนี้ตกลง นั่นหมายถึงว่าขนาดของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดที่ใช้ไม่เพียงพอ เสียแล้ว ดังนั้นมาตรวัดตัวนี้จึงมีความจำเป็นไม่น้อยสำหรับรถยนต์เทอร์โบ ซึ่งผู้ขับขี่ความสังเกตค่าแรงดันในขณะที่เดินเบาเป็นหลัก และสังเกตว่าแรงดันน้ำมัน นั้นขึ้นไปตามอัตราการบูสต์หรือไม่

8. มาตรวัดส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง (A/F METER)
มาตรวัดตัวนี้เป็นการเช็คความสมดุลระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับ A/F คืออัตราส่วนระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งโดยทั่วไปอัตราส่วนตามหลักการนี้จะต้องมีค่าเท่ากับ 14 ในขณะที่เครื่องเดินเบา เลข 14 ก็จะหมายถึงอากาศ 14 ส่วน/น้ำมัน 1 ส่วน  ซึ่งจะผสมอยู่ในห้องเผาไหม้สำหรับจุดระเบิด และค่านี้จะต่ำลงไปในขณะที่มีการเร่งเนื่องจากปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้น และค่า A/F นี้จะสูงขึ้นในขณะที่ทำการถอนคันเร่ง โดยค่า A/F นี้จะถูกแบ่งออกเป็น "บาง" กับ "หนา" ซึ่งถ้าต้องการทำให้รถแรงขึ้น  ก็ต้องปรับให้ค่า A/F ให้มีค่าที่บางลง คือการปรับให้น้ำมันน้อยลง-อากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับในลักษณะดังกล่าว ก็มีผลทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ค่า A/F ไม่ควรสูงเกินกว่า 12  เพราะนั่นหมายความว่าน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยเกินไป ซึ่งในรถที่มีการโมดิฟาย ควรจะให้มีค่า A/F ขณะเร่งอยู่ในช่วง 10.5- 11.5 ก็พอ

9. แวคคั่ม มิเตอร์ (VACCUM METER)
มาตรวัด VACCUM ตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ในมาตรวัดตัวเดียวกับมาตรวัดอัตราบูสต์เทอร์โบ มาตรวัดตัวนี้จะตอบสนองกับ  อัตราการเหยียบคันเร่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเช็คความสิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน สำหรับการดูค่าของมาตรวัดตัวนี้ต้องดูเวลา เครื่องเดินเบา ซึ่งจะดูได้จากค่าสุญญากาศ ถ้าค่าสุญญากาศนี้มีมาก ก็จะถือได้ว่าเครื่องยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่รั่วซึม แต่ถ้าค่านี้ลดลงไปมาก นั่นก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม มาตรวัดตัวนี้จึงเป็นมาตรวัดที่อาจมีไว้เช็คสภาพของเครื่องยนต์ได้  ทั้งนี้ในขณะเครื่องยนต์เดินเบาถ้าเข็มบนมาตรวัดนี้บอกค่าไม่ถึง 300 cmHg นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์มีสภาพย่ำแย่ โดยเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ที่มีความสมบูรณ์ค่าตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 450 cmHg

ส่วนเรื่องเสียงอัดอากาศ ผมเข้าใจว่า น่าจะเป็นเสียง โบออฟ คายทิ้งนะครับ ลองดูครับ มีหลายยี่ห้อ ส่วนตัว ชอบ HQV ครับ
85sound and music studio 086-6896625

ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 09:08:42 am »
ขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับข้อมูล อ่านแล้ว งง จริงๆ 5555
แล้วโดยส่วนใหญ่ติดเกจตัวไหนกันบ้างครับ ถ้าติดหมดคงรกน่าดู
แล้วส่วนโบออฟนี่มันช่วยเรื่องอะไรหรอครับ
ผมคิดว่าพอออกมาจะเอาไปแต่งเลย พื้นฐานควรแต่งอะไรก่อดีครับ
ใส่เกจตัวไหนบ้าง ปรับแต่งอะไรบ้าง มือใหม่จริงๆครับ รบกวนด้วยครับ
 :bbbear_19:

ออฟไลน์ โกร่น2000

  • *
  • กระทู้: 657
  • Popular Vote : 23
  • fanfan2000
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 09:18:42 am »
1245ชุดนี้ส่วนใหญ่ใช้กัน

ออฟไลน์ VEE-NEWS

  • *
  • กระทู้: 281
  • Popular Vote : 14
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 09:51:26 am »
ใช้เครื่อง turbo เดิมๆ ยิ่งเป็นตัว sti ก็แรงเหลือๆแล้ว
ส่วนเสียงดูดอากาศ นั้นส่วนใหญ่จะมาจากกรองเปลือย ถ้าอยากมีเสียงก็เปลี่ยนกรองเปลือย
โบออฟ คร่าวๆ จะเป็นตัวระบายแก๊สจาก turbo ตอนถอนคันเร่งจะมีเสียงออกแหลมๆ จากโรงงานก็มีติดมาอยู่แล้ว แต่จะเงียบ
ถ้าอยากดังก็เปลี่ยน
ส่วนใหญ่การแต่งรถ เริ่มจากการเปลี่ยนแม็ก หมายถึงตัวธรรมดา ถ้าตัวแต่งจากโรงงานมาแล้วก็ไม่ต้องรีบ
เกจ์วัดส่วนตัวที่ใช้บ่อยและเห็นว่าจำเป็น มี
1. Turbo BOOTS สำหรับรถ Turbo ตัวนี้จำเป็นที่สุด ไว้วัดบูสตามที่ตั้งไว้ เตือนตอนบูสไหล ถ้ารถใหม่ไม่น่าจะเป็นง่ายๆ ส่วนรถ NA ไม่ต้องติดให้เปลืองเงิน
2. WATER TEMP วัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ พวกความร้อนหม้อน้ำ จะละเอียดกว่าโรงงาน
3. OIL TEMP  วัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ถ้ามันร้อนเกิดกำหนด จะได้ผ่อนคันเร่งทัน
4. OIL PRESSURE วัดแรงดันน้ำมันเครื่อง เอาไว้สังเกตุ เช่นมีการรั่วในระบบ เข็มแรงดันจะผิดปกติจากที่เคยเป็น


ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 10:17:29 am »
สรุปคือผมต้องไปเปลี่ยนกรองเปลือย โบออฟ ใช่ไหมครับ
กรองเปลือย กับ โบออฟตัวเดียวกันใช่ป่ะ แล้วก็ติดเกจตามที่บอกมา
คือไปตามร้านแต่งแล้วบอกเอาตามนี้ได้เลยใช่ไหมครับ
หรือต้องจูนปรับแต่งอะไรอีกหรอเปล่า ตอนแรกจะเล่น gtr
แต่ค่าบำรุงรักษามันเยอะไปหน่อย เลยมาถูกใจ imp
ถ้าควรปรับแต่งตรงไหนอีก แนะนำเพิ่มเลยนะครับ

ออฟไลน์ kr3w

  • *
  • กระทู้: 103
  • Popular Vote : 3
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 10:35:19 am »
อ้างจาก: Busorinkin  :bbbear_22:link=topic=107028.msg550528#msg550528 date=1381547849
สรุปคือผมต้องไปเปลี่ยนกรองเปลือย โบออฟ ใช่ไหมครับ
กรองเปลือย กับ โบออฟตัวเดียวกันใช่ป่ะ แล้วก็ติดเกจตามที่บอกมา
คือไปตามร้านแต่งแล้วบอกเอาตามนี้ได้เลยใช่ไหมครับ
หรือต้องจูนปรับแต่งอะไรอีกหรอเปล่า ตอนแรกจะเล่น gtr
แต่ค่าบำรุงรักษามันเยอะไปหน่อย เลยมาถูกใจ imp
ถ้าควรปรับแต่งตรงไหนอีก แนะนำเพิ่มเลยนะครับ
เปลี่ยนโบออฟ ถอนคันเร่งจะดัง ฟิ้วว ๆ
เปลี่ยนกรองเปลือย เหยียบคันเร่งจะดัง  วูซซซๆ

ออฟไลน์ mystic

  • แก๊งค์ฝั่งธน (มดแคระ)
  • *
  • กระทู้: 5,361
  • Popular Vote : 172
  • Gcปลอม
    • http://www.guitarthai.com/classified/question.asp?QID=438207
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 10:35:37 am »
สรุปคือผมต้องไปเปลี่ยนกรองเปลือย โบออฟ ใช่ไหมครับ
กรองเปลือย กับ โบออฟตัวเดียวกันใช่ป่ะ แล้วก็ติดเกจตามที่บอกมา
คือไปตามร้านแต่งแล้วบอกเอาตามนี้ได้เลยใช่ไหมครับ
หรือต้องจูนปรับแต่งอะไรอีกหรอเปล่า ตอนแรกจะเล่น gtr
แต่ค่าบำรุงรักษามันเยอะไปหน่อย เลยมาถูกใจ imp
ถ้าควรปรับแต่งตรงไหนอีก แนะนำเพิ่มเลยนะครับ


ใจเย็นๆครับ
85sound and music studio 086-6896625

ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 12:01:22 pm »
ขอบคุณทุกคนมากเลยครับ ผมตื่นเต้นมากกับรถซิ่งคันแรก
และเปลี่ยนกรองเปลือย กับ โบออฟเป็นของอะไรหรอครับ
แล้วถ้าอยากเพิ่มแรงม้าจะแต่งยังไงครับ ที่สำคัญไม่อยากให้ท่อเสียงดัง
ควรทำไงครับ

ออฟไลน์ gentlemanly

  • *
  • กระทู้: 327
  • Popular Vote : 12
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 12:32:57 pm »
ขอบคุณทุกคนมากเลยครับ ผมตื่นเต้นมากกับรถซิ่งคันแรก
และเปลี่ยนกรองเปลือย กับ โบออฟเป็นของอะไรหรอครับ
แล้วถ้าอยากเพิ่มแรงม้าจะแต่งยังไงครับ ที่สำคัญไม่อยากให้ท่อเสียงดัง
ควรทำไงครับ

ใจเย็นครับ ผมว่าหาข้อมูลความรู้ทำความเข้าใจก่อนดีกว่าครับ ว่าอะไรคืออะไร เปลี่ยนแล้วมีผลยังไง เพราะมันมีทั้งดีและเสียครับ
ก่อนจะเพิ่มแรงม้า ก็ขับเดิมๆให้รู้ลิมิตก่อนดีกว่าครับ เพราะบางอย่างเปลี่ยนไป มันได้แค่สะใจที่เสียเงิน แต่สมรรถนะไม่ต่างกัน
ส่วนท่อ รู้สึกของ HKS จะมีแบบเงียบอยู่ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเงียบแค่ไหน ลองหาฟังดูใน youtube เล่นๆก็ได้ครับ
แต่ท่อเดิมมา ผมว่ามันก็เงียบนะครับ

ออฟไลน์ pedkasem

  • ผ้ายาง XV แบบเต็มคัน/อัพเกรดของแถม สั่งกันได้เลยจ้า^^
  • *
  • กระทู้: 810
  • Popular Vote : 44
  • จำหน่ายผ้ายางปูพื้นเข้ารูปทุกรุ่น/ยี่ห้อ ราคาพิเศษ
    • ผ้ายางเข้ารูปสำหรับsubaru ทุกรุ่น ราคาพิเศษสำหรับชาว SSS ครับ
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 02:31:34 pm »
ลองขับเดิมๆดูก่อนครับว่าพอใจไหม ถ้าขับสนุกเทอร์โบเดิมสนุกกว่าครับยิ่งเทอร์โบแบบ Twinscroll จะมาตั้งแต่รอบต่ำๆ ครับ

มุดสนุก ขับในแทร็คก็ดีกว่าแรงม้าสูงเทอร์โบใหญ่ ควบคุมยากครับต้นก็จะห้อยแต่เวลาบูสติดมาแรงๆ หมุนเอาง่ายๆถ้าไม่ชินรถ

ถ้าเอาแบบ Soft ก็ไป Reflash กล่องเดิม ครับ เปลี่ยนกรองเปลือย ดูท่อไอเสียนิดหน่อย ก็อาจได้ม้ามาแบบขับสนุกอีกนิดหน่อย

หรือคบกับกล่องพ่วงที่จูนเพิ่มแรงม้าละเอียดและได้มากขึ้น แต่เท่าที่พอทราบจะจูนได้ไม่เกิน 350 ม้าครับสำหรับทุกอย่างเดิมๆ


หากจะเล่นเกิน 350 ม้า ให้สวยๆ หรือเอาแรงไปเลยประมาณสามร้อยปลายๆ ต้องจัดชุดใหญ่ครับ ทั้งเทอร์โบใหญ่ หัวฉีด หรือรางหัวฉีด เรกูเรเตอร์ หัวเทียนใหม่

ย้ายอินเตอร์มาเป็นอินเตอร์หน้า ออย์คูลเลอร์ คลัทช์ทองแดง ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายพวกเบรคและช่วงล่าง,ยางดีๆ เพื่อรองรับแรงม้าดังกล่าว และไม่ลืมที่จะเปลี่ยนชาร์ฟซิ่งเพื่อป้องกันชาร์ฟละลาย

ซึ่งค่าใช้จ่ายแบบหลังจะราคาสูงเลยครับ คือรวมกล่องนี่ต่ำๆ เซฟๆก็ร่วมเฉียดๆสามแสนนะครับ (สำหรับของมือสองเฉพาะตัวส่วนของเครื่องยนต์)

หากอยากแรงมากกว่า 400 แรงม้า ต้องพึ่งแคมชาร์ฟ ใหม่ ให้ดีก็เปลี่ยนไส้ในใหม่  และคลัทช์ควรเป็น 2 ชิ้น ซึ่งหนักและทำให้การขับใช้ในชีวิตประจำวันลำบาก ถ้าไปขึ้นห้างหรือเจอรถติดนี่ปวดตับแน่ๆ

และแรงม้ายิ่งมากก็หมายถึงความสีกหรอของชิ้นส่วนแต่ละอย่างที่จะต้องดูแลมากขึ้น และรถที่ยิ่งแรงม้าสูงมากเกินไป ปัํญหาที่มักพบคือจูนจบยาก หรือรถว่ิงไม่สมบูรณ์



แต่ตอนนี้ถนนจะหาที่ขับยากครับเพราะรถติดมาก ไม่ค่อยมีถนนให้ขับ บนทางด่วนตอนนี้ก็กล้องเพียบ ขับสักพักก็เบื่อ ถ้าไม่ได้ไปแข่งมิดไนท์หรือเล่นควอเตอร์ไมล์

รถเทอร์โบใหญ่ต้นจะแผ่วๆห้อยๆครับ  แรงม้าจะโดดออกมาตอนรอบสูงๆ ซึ่งรุนแรงมากได้เสียวทุกรอบ และจะได้ใช้ตอนความเร็วสูงๆ ซึ่่ง เสี่ยงต่อการเสียการควบคุม เมื่อผิวถนนลื่นหรือทางโค้ง

ย่ิ่งเมื่อเรียกแรงม้าที่ความเร็วสูงต้องตรวจเช็คช้ินส่วนและระบบขับเคลื่อนและเบรคให้มั่นใจนะครับ โดยเฉพาะรถยิ่งเป็นรถมือสองจะมั่นใจอะไรได้ 100% เหมือนรถใหม่


ย่ิงเห็นแจ้งว่าไม่เคยเล่นรถซิ่ง ผมว่าลองไปฝึกขับในแทร็คพวกแทร็คเดย์หรือคอร์สเทรนนิ่งควบคุมรถก่อนดีกว่าครับ เพื่่อเพิ่มความชำนาญและความปลอดภัยของตัวเราเองและส่วนรวมครับ

กับความแรงที่ยิ่งมากความรุนแรงเวลาประสบอุบัติเหตุก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเป็นทวีคูณนะครับ   ขนาดแทร็คเดย์ในสนามแข่งนักแข่งที่ว่าขับเป็นประจำอุปกรณ์ป้องกันพร้อมก็มีเสียชีวิตให้เห็นกันมาแล้ว

ถ้าพร้อมก็จัดเลยครับ แต่ถ้าแนะนำว่าควรเป็นรถคันที่สองไม่เหมาะใช้ทุกวันครับ นอกจากขับเดิมๆ โมไม่เยอะ  :bbbear_32:


ถ้าเป็นผมจะกลับมาเลือกเล่นตัวคอแดงเดิมๆ หรือไม่ก็รุ่นพิเศษ S203/204 เดิมๆ แต่งนิดๆหน่อยๆ ขำๆ ครับ ขับสนุกที่สุด    :bbbear_34:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2013, 02:51:08 pm โดย pedkasem »
ขายผ้ายางปูพื้นรถ http://www.siamsubaru.com/subaruboard/index.php?topic=96059.0

ออฟไลน์ Busorinkin

  • *
  • กระทู้: 53
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 08:32:20 pm »
ผมลองเช็คดูใน website เห็นมีแต่ตัว wrx sti นี่คือตัว top แล้วใช่ไหมครับ หรือมีตัวอื่นอีก มือหนึ่งนะครับ
แล้วสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด

1.รถใช้งานทุกวันครับ ว่าจะไม่โมอะไรเพิ่มเติม อาจจะเพิ่มจาก 300 แรงม้า เป็น 350 แรงม้า
ถ้าเพิ่มประมาณนี้ รถจะมีปัญหาอะไรกับการใช้ทุกอย่างเดิมๆ และใช้งานทุกวันไหมครับ

2.จะติดเกจวัดต่างๆตามที่แนะนำมาครับ แค่ติดเกจวัดรถคงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ

3.ไม่อยากให้เสียงท่อ และเสียงในห้องโดยสารดัง (ยกเว้นเสียงอัดอากาศ)

4.จะเปลี่ยนกรองเปลือย และโบออฟตามคำแนะนำ เพื่อให้ได้เสียงอัดอากาศ
และถ้าเปลี่ยน 2 ตัวนี้ รถจะมีปัญหาอะไรไหมครับ

ขอความกรุณาด้วยครับ  :bbbear_19:

ออฟไลน์ kennet

  • *
  • กระทู้: 55
  • Popular Vote : 0
    • อีเมล์
Re: ขอสอบถามเรื่อง impreza หน่อยครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2013, 09:29:51 pm »
ผมลองเช็คดูใน website เห็นมีแต่ตัว wrx sti นี่คือตัว top แล้วใช่ไหมครับ หรือมีตัวอื่นอีก มือหนึ่งนะครับ
แล้วสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุด

1.รถใช้งานทุกวันครับ ว่าจะไม่โมอะไรเพิ่มเติม อาจจะเพิ่มจาก 300 แรงม้า เป็น 350 แรงม้า
ถ้าเพิ่มประมาณนี้ รถจะมีปัญหาอะไรกับการใช้ทุกอย่างเดิมๆ และใช้งานทุกวันไหมครับ

2.จะติดเกจวัดต่างๆตามที่แนะนำมาครับ แค่ติดเกจวัดรถคงไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ

3.ไม่อยากให้เสียงท่อ และเสียงในห้องโดยสารดัง (ยกเว้นเสียงอัดอากาศ)

4.จะเปลี่ยนกรองเปลือย และโบออฟตามคำแนะนำ เพื่อให้ได้เสียงอัดอากาศ
และถ้าเปลี่ยน 2 ตัวนี้ รถจะมีปัญหาอะไรไหมครับ

ขอความกรุณาด้วยครับ  :bbbear_19:
ตัวนี้เป็นตัวtopเเล้วครับ