หลังโกยยอดขายทะลุเป้าจากผลิตภัณฑ์ตัวเก่งรุ่นเอ็กซ์ วี (XV) ซึ่งลงทุนขึ้นไลน์ประกอบครั้งแรกนอกฐานทัพบ้านเกิด จึงเป็นที่มาของแผนรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากการเปิดเผยของ เกลนน์ ตัน ผู้อำนวยการบริหารของตันจง อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทในกลุ่มตันจงผู้ถือสิทธิ์ผลิตและขายรถยนต์ ซูบารุ ในอาเซียน พร้อมรับ AEC ประกาศยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับการทำตลาดในภูมิภาคนี้ พร้อมเตรียมขึ้นไลน์ผลิตในปี 2015
ทิศทางตลาดรถยนต์ในไทย ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยช่วงนี้กำลังซบเซา แต่สวนทางกับความนิยมต่อผลิตภัณฑ์ของซูบารุ โดยเฉพาะรุ่นเอ็กซ์ วี หรือรถอเนกประสงค์คอมแพกต์เอสยูวี ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตนอกประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ฐานการผลิตในประเทศมาเลเซีย และส่งทำตลาดใน3ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ตามเงื่อนไขข้อตกลงเขตการค้าเสรีในแถบอาเซียน
ผลงานและเป้าหมายยอดขาย สำหรับยอดขายสะสมในประเทศไทย 9 เดือนล่าสุดปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) แบ่งออกเป็นรุ่นที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น (CBU) จำนวน 150 คัน และรุ่นเอ็กซ์ วี นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย (CKD) จำนวน 1,700 คัน หรือรวมแล้วทำได้ประมาณ 1,850 คัน นับเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดกว่า 3,000% เมื่อเทียบกับยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยคาดว่าจะปิดยอดทะลุถึง 2,000 คันในปีนี้ และจากความสำเร็จดังกล่าว เราจึงวางเป้าหมายการขายในปีหน้าประมาณ 2,500-3,000 คัน
มั่นใจผลิตภัณฑ์ดีเครือข่ายแน่น ยี่ห้อซูบารุเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและทำตลาดในไทยมานาน รวมถึงมีความโดดเด่นด้านสมรรถนะที่ชัดเจน จากขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์และการขับเคลื่อนแบบออลวีลไดร์ฟ โดยทั้งสองสิ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับรถอเนกประสงค์ประเภทเอสยูวี ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของเราในรุ่นเอ็กซ์ วี จึงตอบโจทย์ลูกค้าตรงกลุ่มและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ขณะที่ตลาดรถยนต์ขนาดเล็กหรืออีโคคาร์กำลังมาแรง แต่ซูบารุยังไม่มีแผนผลิตรถเพื่อทำตลาดในกลุ่มนี้ เช่นเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดซึ่งกำลังเป็นที่สนใจในระดับโลก ยังคงทำตลาดเฉพาะที่ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ในไทยปีหน้าเตรียมเปิดตัวอีก 2 รุ่น พร้อมกับการขยายตัวแทนจำหน่ายจากเดิม 14 แห่ง จะเพิ่มอีก 3 แห่ง รวมเป็น 17 แห่งภายในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่งในปีหน้า
เล็งไทยเพิ่มไลน์ผลิตรับAEC 2015 หากมองที่อัตราการเติบโต ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุด เมื่อเทียบกับสามประเทศที่เอ็กซ์ วี ทำตลาดอยู่ในตอนนี้ ดังนั้น เมื่อการเกิดขึ้นของ AEC ในปี 2015 เราจึงมองว่าเป็นโอกาสดีมากในการขยายธุรกิจ และไทยจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ โดยขั้นต้นวางแผนทำ TC-Auto Hub หรือศูนย์บริการแบบ 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับงานเซอร์วิสให้กับรถในเครือตันจงทั้งหมด
ส่วนแผนขยายการผลิตรถยนต์ซูบารุในไทยจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีเดียวกันแน่นอน แม้ว่าปัจจุบันกำลังการผลิตจากโรงงานที่มาเลเซียจะเพียงพออยู่แล้ว แต่ในอนาคตเมื่อตลาดเติบโตและความต้องการมีมากขึ้น การเพิ่มไลน์ประกอบในไทยจึงมีความสำคัญ อีกทั้งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเรามีโรงงานที่ลาดกระบังซึ่งตอนนี้ทำการผลิตรถบรรทุกฟูโซ่อยู่แล้ว เหลือแค่รอเวลาปรับโครงสร้างหลัง AEC เปิดอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
CREDIT : http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9560000136017