ผู้เขียน หัวข้อ: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><  (อ่าน 26201 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ VAS

  • *
  • กระทู้: 130
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 01:27:11 am »
ขอตอบท่านลูกค้านะครับ  :bbbear_19:

ถ้าดูจากรูปจะเห็นนะครับว่าที่กระป๋อง Motul H-tech จะมีเขียนว่า 100% Synthetics ครับ
0W20 ต้องไหล่เร็ว เพราะทางเดินท่อน้ำมันเครื่องในรถ Eco Car นั้นเล็กมากๆ ถ้าเทียบกับ เครื่องใหญ่เช่น 1500cc, 2000cc.
ผู้ผลิตรถ Eco Car ส่วนมากเลยแนะนำให้ใช้น้ำมันเบอร์ 0W20 เพราะเอกลักษ์ที่มีการไหล่เร็ว สามารถปกป้องเครื่องยนต์ขณะสตาร์ดได้ดีกว่าน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดสูง
(เครื่องยนต์จะสึกหร่อมากที่สุดขณะสตาร์ด ไม่ใช้ตอนรถวิ่งในอุณภูมิปรกติ)

นึกถึงน้ำเชื่อมครับ ถ้าเราเอาหลอดดูดน้ำเชื่อมที่มีน้ำตาลผสมอยู่น้อย ย่อมดูดง่ายกว่า น้ำเชื่อมที่มีน้ำตาลเยอะๆ

5000โลแล้วน้ำมันเครื่องเปลี่ยนเป็นสีแดง

อันนี้ผมนึกภาพไม่ออกครับ แต่ส่วนประกอบของน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อจะมีส่วนผสมของ additive ที่ชื่อว่า Detergent สารตัวนี้มีหน้าที่เก็บสิ่งสกปรกในเนื้อน้ำมัน กรดจากการจุดระเบิด คราบขะเหมา ทุกอย่างในเครื่องยนต์ก็จะถูกชะล้างด้วยสารตัวนี้ เพราะเหตุนี้เราถึงต้องถ่ายน้ำมันเครื่องเมื่อถึงระยะ

ถ้าผมบอกอะไรที่คุณรู้อยู่แล้วก็ขอโทษด้วยครับ

ส่วนที่เป็นสีแดงนี่ อาจจะมาจากเครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูร แต่สี กลิ่น หรือ เอาน้ำมันเครื่องมาบี้ๆที่มือไม่สามารถบอกอะไรได้หรอกครับ มีทางเดียวคือเอาเข้า Lab test

สิ่งที่คนส่วนมากเข้าใจผิดคือ ใช้น้ำมันเครื่องดีๆแล้วเครื่องจะหายดัง หรือ อาการที่เป็นอยู่จะหาย อันนี้ไม่จริงครับ เพราะน้ำมันเครื่องไม่ใช้ยารักษาโรค การที่น้ำมันเครื่องได้รับ approve บริษัทรถยนต์คือ เค้าจะเอาน้ำมันเครื่องนั้นๆไป test กับเครื่องยนต์ของเค้า เป็นหลัก แสน ถึง ล้านกิโล แล้วมาเปิดเครื่องว่าการสึกหร่ออยู่ในเกนที่กำหนด เค้าถึงจะให้ approve มา

ยังไงก็อย่าไปติดกับ API SN, SM มากกินไปครับ เพราะมันไม่ได้บอกอะไรเลย ลองดูรูปก็ได้ครับ อันนี้ได้มาจาก web Lubrizol เทียบระหว่าง API SN กับ MB Approval 229.51


ออฟไลน์ saurus

  • *
  • กระทู้: 124
  • Popular Vote : 13
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 01:43:35 am »


ลงรูปให้ดูว่ามีและใช้ของmotulจริงๆครับ ไม่ใช่หน้าม้ายี่ห้ออื่นมาต่อว่า :bbbear_25: แต่ตอนนี้เปลี่ยนลองไปหลายยี่ห้อแล้ว555

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ น้ำมันเป็นสีแดงผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้ซะด้วย คงไม่น่าจะเกี่ยวกับค่าTBNใช่ไหมครับ อ้อ รบกวนอีกนิดนึงนะครับ พอมีสเปคค่าHTHSของตัวนี้รึป่าว ยังไงตอนนี้ผมขอนอนก่อนครับ พรุ่งนี้ค่อนสนทนากันต่อ ขอบคุณข้อมูลที่เปิดหูเปิดตามากเลยครับ :bbbear_19:

ออฟไลน์ saurus

  • *
  • กระทู้: 124
  • Popular Vote : 13
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 10:50:35 am »
ที่ผมสงสัยเรื่องสีของน้ำมัน หลังการใช้งานไปสัก5000โล ก็เพราะค่าTBNของ H-tech 0W-20ตัวนี้ อยู่ที่6.3ต่ำมาก น้ำมันมีสภาพ(แทบ)เป็นกรด อ้างอิง http://cy-motul.com.tw/front/bin/download.phtml?Part=883914&Nbr=3210&Category=110970

ปกติเครื่องยนต์กับกรดไม่น่าจะถูกกัน กรด=สนิม กรด=สีแดง(รึไม่) แล้วbase oilตัว H-tech เป็นแค่group4 100%หรือ3+4ก็เถอะ ไม่น่าจะคงสภาพได้นานถึงระยะเปลี่ยนของรถผม(10000โล) เรื่องน้ำมันไม่เคลือบก้านวัดอีกเรื่อง ซึ่งทั้ง2เรื่องคงเป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัว เพราะคงต้องใช้Lapตรวจสอบเท่านั้น ตามที่คุณVasแนะนำ แต่ถ้าเราเชื่อผลของLapเท่ากับเราต้องเชื่อตามData sheetที่ออกมา ถ้าแบบนั้นผมยิ่งสงสัยไปใหญ่ว่า ทำไมค่าต่างๆในData ของ300v high rpm 0W-20 น้ำมันที่เป็นเกรดสูงสุดของMotul แทบไม่เหนือกว่าคู่แข่งเลย มีแค่ความลื่นที่เหนือกว่า อ้างอิง https://www.motul.com/system/product_descriptions/technical_data_sheets/33468/original/300V_High_RPM_0W-20_(GB).pdf?1349679379

ลองดูสเปคคู่แข่งสัก1ตัว คือ Redline 0W-20 (street oil) อ้างอิง http://www.redlineoil.com/content/files/tech/Motor%20Oil%20PDS%205-13.pdf ไล่ดูทีละค่าที่คนปกติมักจะดูกัน ค่าความหนืดที่40และ100องศา อันนี้300Vลื่นกว่าเห็นๆ แต่ที่เหลือค่าViscosity index Motul 166 Redline 172 ค่าHTHS Motul 2.7 Redline 2.9 ค่าPour point Motul -51 Redline -60 ค่าFlash point Motul -222 Redline -230 ค่า2ตัวหลังนี้แสดงRangeของอุณหภูมิ Redlineทนความเย็นและร้อนได้มากกว่า บ่งบอกคุณภาพของBase oilที่เหนือกว่า(รึป่าว) ยังเหลือค่าพวกTBN Novak แต่ทั้ง2ยี่ห้อแสดงไม่ครบ เอาเป็นว่าไม่เทียบละกันครับ สวนทางกับความเชื่อคนทั่วไปมั้ยครับ ถามคนทั้งโลกก็ต้องบอกว่าMotulดีกว่า ฝรั่งเองยังบอกว่า Redline Good แต่ Motul Best

ผมพยายามจะบอกว่า Lapไม่ใช่ถูกทุกเรื่องเพราะDataเองยังเป็นแบบที่เห็น ถึงจะนำน้ำมันใช้แล้วส่งLap ผลที่ออกมาก็ไม่100% เรื่องบางเรื่องลูกค้าเค้าใช้แล้วเค้ารู้ครับ ว่ารถเค้าดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร โดยไม่ต้องมโน เคยมีกรณีนึงลงในForum subaruที่เมกา เจ้าของแมวSti เปลี่ยนใช้น้ำมันเครื่องRedline 5W-30 แล้วนำน้ำมันส่งLapเทส ผลออกมาค่าทองแดงสูงมาก จนเจ้าของรถต้องตั้งกระทู้บ่นในเวบนั้น ว่ารถของตนชาร์พสึกหรอ พังไปแล้วแน่ๆ ลำบากเพื่อนในเวบกับฝ่ายเทคนิคRedlineต้องออกมายืนยันว่า ค่าทองแดงมันหลุดมาจากแผงOil cooler ถ้าชาร์พสึกออกมาจะเป็นค่าตะกั่วกับดีบุกที่สูงขึ้น ยังไงผมขอจบการตอบกระทู้เรื่องนี้เพียงเท่านี้ ทุกท่านที่อ่านอย่าเอาที่ผมพิมพ์เป็นข้อยุตินะครับ ผมแค่userไม่ใช่ช่างเทคนิค

ออฟไลน์ VAS

  • *
  • กระทู้: 130
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 11:17:55 am »
สวัสดียามสายครับ วันนี้ออกมากับครอบครัวเลยไม่มี laptop แต่เห็นข้อสงสัยแล้วก็อดตอบไม่ได้

ค่าต่างๆใน spec น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อออกมาไม่เหมือนกัน เพราะการเลือกใช้สูตรในการ blend น้ำมันที่ต่างกัน

ยกตัวอย่าง TBN สูงๆดีจริงไหม ค่า VI ที่สูงๆดีจริงไหม ผมขอตอบอย่างนี้ครับ

ค่า TBN สูงทำมาเพื่อต้านสารกำมะทันในน้ำมันใส หรือน้ำมันเชื้อเพลิงนี้แหละครับ
สังเกตุได้ น้ำมันเครื่องที่มีค่า TBN สูงๆจะอยู่ในจำพวกน้ำมันเครื่องเรือ เช่นเกรด SAE 40 marine type
เพราะเรือพวกนี้ต้องใช้น้ำมัน diesel มี่มีคุณภาพต่ำ เช่นน้ำมันม่วง น้ำมันเขียว น้ำมันเตา เป็นต้น

ยกตัวอย่างน้ำมัน ม่วงมีค่า กำมะทันอยู่ที่ 5000ppm ถ้าคุณจำลองว่าในห้อง 4 เหลี่ยมมีกล่องอยู่ 1,000,000 กล่อง 5000 กล่องนั้นคือกำมะทัน คงเห็นภาพแล้วนะครับ ส่วนน้ำมัน diesel ที่เติมกันในปั๊มที่ประเทศไทย จะมีค่ากำมะทันอยู่ที่ 50 - 150 ppm เท่านั้น
ส่วนที่ยุโรบ ตอนนี้น้ำมัน diesel มีค่าแค่ 0 - 10 ppm ซึ่ง TBN มากๆเลยไม่จำเป็น

น้ำมันเครื่องในรถยนต์มีพื้นที่จำกัดในการใส่สาร additive ยกตัวอย่างรถเก่งสมัยนี้มีพื้นที่ใส่แค่ 4 - 5 ลิตร เท่านั้นเอง
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ผลิตจะยัด additive ทุกตัวในน้ำมันเครื่อง เพราะฉนั้นเราเลยต้องเลือกว่าจะใช้อะไร หรือ ลด ตัดตัวไหนออกไปบ้าง
เพื่อให้ได่ผลลับที่ดีที่สุด

ค่า VI สูงๆผมก็อยากจะถามว่าเอาไปทำไม ถ้าผู้บริโภคดูกันแค่นี้ เราแค่ตัดสารตัวอื่นออกไป แล้วใส่ additive ชื่อว่า VI improver ก็พอแล้วสิครับ จะเอา vi 200 300 ก็ทำได้

ยังไงเย็นจะมาตอบที่เหลือนะครับผม :)


ออฟไลน์ VAS

  • *
  • กระทู้: 130
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 11:40:12 am »
เหตุผลที่หลายบริษัทเลือก base oil group สูงๆเพราะ
น้ำมัน base oil ที่มีคุณภาพสูง จะสามารถเก็บ รักษาค่า additive ได้ดีกว่า เลยไม่ต้องผสม additive ในจำนวนที่มาก
และสามารถเพิ่มชนิดของ additive เข้าไปได้อีกครับ

ส่วน lap test ไม่ได้แปลว่า 100% แต่ตอนนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด
ความรู้สึกของผู้ใช้ อันนี้จริง แต่จะมีกี่คนที่เหมือนคุณ saurus บางคนก็เชียร์เพราะมีผลประโยช เพราะงั้นก็ต้องศึกษาเยอะๆ เหมือนคุณ saurus นี่แหละครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2014, 11:46:55 am โดย VAS »

ออฟไลน์ saurus

  • *
  • กระทู้: 124
  • Popular Vote : 13
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2014, 12:06:37 pm »
รบกวนอ่านคำตอบผมดีๆครับ ผมถึงบอกว่า ผมไม่ค่อยจะเชื่อLap หรือData sheet spec sheetอะไรก็แล้วแต่ไงครับ เพราะถ้าผมเชื่อ ผมคงไม่ใช้Motul 8100กับ C200 จนจะ70000โลแบบทุกวันนี้ เพราะDataของน้ำมันตัวนี้ แทบจะแย่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำ แย่กว่าMobil1ด้วย ทั้งที่ผ่านมาตราฐานMb229.5เหมือนกัน

ผมไม่ได้อยากรู้ว่าค่าTBNเค้าเอาไว้ทำอะไร ตอนBlendน้ำมันเครื่องครับ ผมสงสัยแค่ว่าค่านี้เปลี่ยนไปทางไหนเวลาอยู่ในเครื่องยนต์เรา โดยเฉพาะบ้านเรามีน้ำมันที่ใช้เอทานอล และจะมีผลต่อเครื่องอย่างไรในระยะยาว เรื่องค่าต่างๆของDataผมไม่ได้กำหนดเองว่าต้องมากแล้วดี หรือน้อยแล้วดี ก็ดูตามเวบบอร์ดต่างที่เค้าใช้ดูกัน ถึงย้ำว่าดูแบบคนปกติทั่วไป ผมแค่นำมาเปรียบเทียบว่าเชื่อLap=เชื่อData เข้าใจหรือยังครับ

เรื่องbase oil groupสูงๆแล้วเก็บadditiveนี่ผมไม่แน่ใจ แต่จริงๆแต่ละgroupมีคุณสมบัติของตัวเอง น่าจะอยู่ที่การเลือกใช้ครับ group3ที่พัฒนามาหลังๆนี่ทนความร้อนดีกว่า4 แล้วครับ 4หรือPaoดีกว่าแค่การสตาร์ทในอุณหภูมิที่เย็น เพราะไหลดีกว่า group4เวลาโดนความร้อนสูงๆ ใช้ในextreme conditionนานๆ จะมีคราบFlushติดในเครื่องยนต์ แต่ละgroupมีผลต่อซีลยางไม่เหมือนกัน 3รักษาสภาพยางได้ดีกว่า 4ทำให้ยางหดตัว 5ทำให้ยางบวม เป็นเหตุผลว่าทำไมบางยี่ห้อถึงต้องใช้ผสม เพราะต้องบาลานซ์ตรงนี้  group4ละลายผสมกับ additiveได้แย่ที่สุด ส่วนgroup5 ก็ที่คนทั่วๆไปรู้ ทนความร้อนสูง ไม่ตกค้างในเครื่อง และshear lossที่น้อย

อ่า ว่าจะไม่ตอบล่อซะยาวเลยผม5555 ยังไงก็ขอบคุณที่นำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ต่อไปนี้ขออ่านดีกว่าครับ ไม่เคยพิมพ์ยาวๆแบบนี้มาหลายปีแล้ว  :bbbear_19:

Edit ผิดตก1ครั้งครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2014, 12:17:29 pm โดย saurus »

ออฟไลน์ VAS

  • *
  • กระทู้: 130
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2014, 11:08:02 am »
ที่ผมสงสัยเรื่องสีของน้ำมัน หลังการใช้งานไปสัก5000โล ก็เพราะค่าTBNของ H-tech 0W-20ตัวนี้ อยู่ที่6.3ต่ำมาก น้ำมันมีสภาพ(แทบ)เป็นกรด
ตอบ: ค่า TBN 6.3 ในน้ำมันเครื่องหมายถึงค่า alkalinity ที่วัดเป็นหน่วย potassium hydroxide per gram (mg KOH/g) เป็นการวัดค่าปริมาณของสารที่เติมเข้าไป
ไม่ใช่การวัดค่าของน้ำ ที่วัดเป็นหน่วย PH (ุ6 ถือว่าน้ำมีความเป็นกรดมากกว่าด่าง, 7 Neutral, 8 alkalinity)

ส่วนที่ถามว่าค่าต่างของ 300V กับ Redline มาเทียบกันแล้ว Redline สูงกว่า
ตอบ: เหมือนข้อที่ผมตอบไปก่อนหน้านี้ ค่าที่สูงในแต่ละตัวแปล ไม่ได้หมายความว่าน้ำมันเครื่องตัวนี้จะดีกว่าอีกตัว สิ่งที่แต่ละผู้ผลิตต้องการก็ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง Ester มีหลากหลายคุณภาพ แต่แบบไหนละที่จะตอบโจทมากที่สุด Ester ที่ 300V เลือกใช้ต้องตอบโจทได้ 4 หัวข้อหลักๆคือ 1. Power 2. Protection 3. Reliability 4. Minimal Oil consumption

ผมมีข้อมูลที่ลูกค้าเอาไป test บน dyno วันหลังถ้าได้เจอกันใน club meeting จะเอาให้ดูนะคร๊าบ

แต่น้ำมันเครื่องที่ดีต้องดีในหลายๆด้าน คุณภาพ additiveที่เลือกใช้ ส่วนผสมที่มีความพอดี เหมือนกับที่ผมบอกว่า ถ้าอยากให้ค่าไหนออกมาดีๆก็ใส่กันเยอะๆ อันนี้ก็มีคนทำ
ครับผมเห็นด้วยว่า Lap test ไม่ได้บอกทุกอย่าง แต่ Lap Test หลังการใช้นี่ก็สำคัญ เช่นทำ UOA - Used oil analysis เพื่อนำข้อมูลของลูกค้ามาพัฒนาต่อไป

ยังไงแล้วผมก็ขอบคุณ คุณ Saurus มากครับ

ส่วนข้อมูลเชิงลึกกว่านี้ ผมอาจจะต้องถามฝ่าย Technical engineer ของทาง Motul เพราะผมอยู่ฝ่าย Sales and Marketing ที่พอตอบคำถามลูกค้าได้ครับ






ออฟไลน์ saurus

  • *
  • กระทู้: 124
  • Popular Vote : 13
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2014, 03:09:17 pm »
TBNไม่เท่ากับPH ผมรู้นานละครับ แต่ที่ผมสงสัยคือ TBNน้ำมันใหม่อยู่ระหว่าง7-10 น้ำมันใช้อาจเหลือต่ำกว่า3 เพราะงั้นค่ามันลดลงใช่ไหมครับ น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วจะเป็นกรดเพิ่มขึ้นใช่ไหมครับ งั้นค่าลดลง=กรดเพิ่มขึ้นไหมครับ เอ่อ ตรรกะผมผิดตรงไหนครับ และน้ำมันใหม่มีสภาพเป็นกรดนิดๆ คำนี้ผมไม่ได้พูดเองนะครับ ไม่ได้มโน อ้างอิง http://www.thaispeedcar.com/010808-engineoil.htm การที่ผมบอกว่าH-techตัวนี้ค่าTBNเริ่มต้นมันน้อยไป มันเป็นคำพูดไม่จริง และเกินเลยไปตรงไหนครับ ถ้าคิดว่าเกินไปต้องขออภัยด้วยครับ

ส่วนเรื่อง300VกับRedline ผมเทียบเชิงตรรกะจากเรื่องDataว่าไม่ได้บอกทุกอย่าง ผมยังบอกเลยว่าMotul น่ะBestเพราะผมก็เชื่อตามฝรั่งบอก  บอกไปตั้งแต่คำตอบก่อนๆครับ และผมไม่ได้ยืนยันว่าRedlineดีกว่านะครับ มีแต่คุณVASนะครับที่พยายามนำเสนอว่าMotulไม่ได้ด้อยกว่า เข้าใจตรงกันนะครับ ขอบคุณครับ  :bbbear_19:


Edit อ้างอิงTBN
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2014, 06:27:24 pm โดย saurus »

ออฟไลน์ VAS

  • *
  • กระทู้: 130
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2014, 04:06:35 pm »
ตามนั้นแล้วกันครับ
 :bbbear_37:

ออฟไลน์ saurus

  • *
  • กระทู้: 124
  • Popular Vote : 13
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2014, 05:07:05 pm »
อย่าโกรธผมนะครับ ถือว่าพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ตั้งแต่คุยกันมาผมอาจอคติบังตา เลยลืมพิมพ์ข้อดีมากๆเลยของMotul ไม่ต้องรุ่นแพงอย่าง300V แค่ H-techที่ผมใช้ที่เหนือยี่ห้ออื่นแน่ๆ คือความลื่นและประหยัด จริงๆผมก็โพสในนี้มาตลอดนะว่าด้านนี้Motulดีจริง ลองค้นกระทู้ผมย้อนดูได้ครับ ความลื่นนี่มีแค่ยี่ห้อEบ้าพลังVI(VI229)ยี่ห้อเดียวที่ลื่นกว่าH-techนิดนึง(แต่ก็แค่ความรู้สึก) ไม่ขอเอ่ยยี่ห้อละกัน เดี๋ยวจะลากยี่ห้ออื่นมาเยอะเกิน เรื่องความประหยัดเท่าที่ผมใช้มา Motul H-techดีที่สุด(อันนี้ดูจากจอในรถ และใช้เส้นทางเดิมทุกวัน)เหนือกว่าE เหนือกว่าRedline(เยอะ) และเหนือกว่าHks พออ่านเรื่องEsterที่ Motulเลือกมี4ข้อที่คุณVASอธิบาย ผมก็ถึงบางอ้อ ว่าเออของเค้าดีจริงแฮะ อ้อ ฝรั่งบอกว่า300Vเป็นน้ำมันที่ดี เพราะมีMolyสูงที่สุด Redlineรองลงไป ยี่ห้ออันดับ3มีแค่1ใน5ของRedline บางยี่ห้อไม่มีเลย เคยสงสัยมั้ยครับว่าทำไมRedline ไม่มีมาตราฐานGF5 เพราะส่งไปเทสก็ไม่ผ่านแน่นอน(รับรู้จากการใช้งานของผมนะ)มั้ง เพราะงั้น ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด คุ้มค่าต่อราคาที่สุด อันนี้อยู่ที่มุมมอง(ว่าเป็นของใคร)

สรุป ขับSuเหมือนกัน สามัคคีกันดีกว่าครับ บางเรื่องอาจเห็นไม่ตรงกัน(บ้าง) ไม่เป็นไรเพราะเราสังคมประชาธิปไตย
 :bbbear_43:

Edit พิมพ์ตกไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 27, 2014, 06:06:40 pm โดย saurus »

ออฟไลน์ BOMBER_IMP

  • อั๊ย..ย่ะ
  • *
  • กระทู้: 847
  • Popular Vote : 25
  • รถยนต์เป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์ ทุกปัญหามีเหตุผล
    • P&B_SHOP
    • อีเมล์
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2014, 08:30:35 am »
เยี่ยมเลยครับ โต้ตอบกันในเชิงข้อมูล ความรู้ทั้งนั้น นี่แหละประโยชน์ที่แท้จริงของ webbord  :bbbear_34:
รับซ่อม เซอร์วิส โมดิฟาย เครื่อง ช่วงล่าง รถทุกประเภทครับ  ในราคาน่าคบ

ออฟไลน์ Bu-impreza

  • *
  • กระทู้: 26
  • Popular Vote : 0
  • ขาย OAKLEY Frogskins เพียบๆ ID Line :
    • https://www.facebook.com/frogskinscity
    • อีเมล์
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2014, 12:42:26 am »
คนตั้งกระทู้ ตาลาย  ไปเเล้วว ค้าบบ 555  :bbbear_27:

เเต่ก็ต้องขอบคุณพี่ๆทุกคนครับได้ความรู้เยอะมาก  สอบไฟน่อลรอบนี้ คงเป็นเรื่องน้ำมันเครื่องในกระดาษคำตอบ 5555
ร้าน Frogskinscity จ้าา จำหน่าย OAKLEY frogskins
LINE : freedom10250

ออฟไลน์ lastbattle

  • *
  • กระทู้: 10
  • Popular Vote : 0
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2014, 04:20:14 pm »
ขอบคุณมากครับ  :bbbear_34:
เสียแล้วเสียไป หาใหม่

ออฟไลน์ leonado

  • *
  • กระทู้: 132
  • Popular Vote : 9
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2014, 06:27:23 pm »
 :bbbear_33: :bbbear_27:สรุปตัวไหนน่าใช้ที่สุดเนี่ยะ..........งบไม่เกิน2500/ครั้ง...ครับพี่น้องครับ

ออฟไลน์ Warmweed

  • *
  • กระทู้: 7
  • Popular Vote : 0
Re: เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับความลังเล GC8 ><
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2014, 01:13:11 pm »
ขอบคุนสำหรับความรู้คับ