ทดลองขับ Subaru Forester (2.0i-L CVT)

[mori]

พูดจากใจจริงๆ เลยครับ แค่ผมได้เห็นโฉมเจ้า Subaru Forester ตัวใหม่ที่เป็น generation 4 ของเจ้า Forester ทำไมโฉมมันช่างไม่ทันสมัยเอาเสียเลย เหมือนย้อนยุคdesign ไปเมื่อสิบที่แล้ว ถ้าเปรียบกับค่ายอื่นๆที่โฉมรูปลักษณออกแนวล้ำๆ ซึ่งต่างขั้วกับ เจ้า Forester หน้าตาเชยๆ ที่ผมได้มาขับ แต่หารู้ไม่ครับ หลังจากผมได้สัมผัสเต็มๆกับการใช้ชีวิตร่วมอยู่กับ Fosester ใหม่นี้ มันช่างต่างไป รถ SUV ที่ดูล้ำๆไปคนล่ะขั้วเกือบทุกๆด้าน เดี่ยวผมจะมา รีวิวแนวคนกำลังอยากได้รถสำหรับครอบครัวที่เน้นเรื่อง สมรรถนะ รวมถึงความปลอดภัยทุกๆด้านที่มีอยู่ใน Foresterใหม่ ถ้าคุณไม่ติดเรื่องรูปร่างหน้าตาผมคิดว่า Forester ตัวนี้มีอะไรน่าค้นหาและเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการเริ่มใช้ชีวิตครอบครัวกับรถดีๆสักคัน

หน้าตาอาจจะไม่ล้ำ แต่แอบแฝงไปด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ภายใน ครบครัน

ปั่นท้ายรู้ถึงความเรียบง่าย สบายตาอยู่ได้ตลอดกาล ดูแล้วเกิดอารมณ์อยากพาครอบครัวไปเที่ยว มีสปอยเลอร์หลัง ตกแต่งด้วย LED สีแดง สดุดตา

ลวดลายรถไม่ค่อยมีอะไรโดเด่นเรียบๆ สไตล์ยอดยุคไปนิด แต่ดูอวบๆดี กระจกรอบคันเป็นแบบป้องกันแสง UV ติดมาให้ด้วย

[mori]

แน่นอนครับ ทาง Subaru ออกเจ้า Forester มาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างจะมีอายุพอสมควร ช่วงอายุ 30Up ที่ไม่ได้เน้นรูปโฉม แต่เน้นความเรียบง่ายในการใช้งาน รวมถึง สมรรถนะ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กำลังจะเริ่มมีครอบครัวไปจนถึงมีลูก แน่นอนครับคงไม่ใช่แค่นี้ ด้วยตัวรถเองที่ค่อนข้าง ออกแบบมาใช้งานได้หลากหลาย ทั้งขับไปทำงาน หรือจะเอาไปในงาน Heavy แนว Extream ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างสบายๆ เพราะเจ้า Forester มีรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD (All Wheel Drive) ซึ่งตอบย่ำได้ถึงความมั่นใจ และความปลอดภัยในการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จริงๆผมอยากจะบอกว่า เจ้า Forester ก็แอบคว้ารางวัลมาหลายรายการมาพอควรจากที่ประเทศญี่ปุ่น และ อเมริกา ทั้งเรื่องการ Design และความปลอดภัย

Subaru ทุกคันมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD (All Wheel Drive)

Subaru Forester (2.0IL CVT) ติดล้ออัลลอยมาให้ แบบ 5 ก้าน สีเงินเงา 17 นิ้ว พร้อมกับหน้ายาง 225/60R17 ยังความให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลในช่วงเวลาการขับขี่ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ

ทุกรุ่นติด Rack หลังคาแข็งแรงทนทาน มาให้พร้อม เหมาะกับการค้นจักรยาน หรือสัมภาระ

ชุดโคมไฟหน้าเป็นแบบ HID สามารถปรับปรับแสงที่ส่องสูงต่ำได้อย่างอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกก็จัดมาให้ทั้งด้านหน้าและหลัง

[mori]

ประตูท้ายกว้างใหญ่ สะดวกสบายในการค้นสัมภาระ รับรองว่าเก็บของได้จุใจ รุ่นนี้ไม่มีระบบเปิด ปิดเป็นไฟฟ้า ที่สามารถตั้งค่าความสูงในการเปิด-ปิดประตูได้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนตัวเล็กที่ต้องเอื้อมปิดประตูท้าย (แต่ผมให้น้องสาวลองมาปิด ก็ปิดถึงอยู่ครับ) แต่ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ผมคิดว่าแค่ธรรมดาๆก็เพลียพอแหละ

สำหรับการเข้าออกจากตัวรถไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ไม่ติดขัดเข้าออกง่ายสบาย แผงประดูข้าง ออกแบบมาธรรมดาๆ เรียบง่าย มีช่องให้ว่างของ ใส่ขวดน้ำได้เหมือนๆรถทั่วไป เบาะหน้าทั้งสอง เป็นแบบระบบไฟฟ้าเลื่อนขึ้นหน้า หลัง และปรับเอนได้ หนังที่ใช้เป็นสีดำเกรดค่อนข้างดี ด้านข้างภายในรถมีการปรับปรุงโฉมภายในให้รู้สึกเรียบง่าย ด้วยการใช้วัสดุโครเมียมตกแต่งบนแผงควบคุมอุหภูมิ ตลอดลวดลายภายในใช้วัสดุสีเงินด้านตบแต่ง บ้างคนชอบบ้างคนบอกดูไม่ทันสมัย แต่ผมว่าดูแล้วมันไม่น่าเบื่อเมื่อใช้ไปนานๆ เป็นการออกแบบเพื่อการใช้เป็นโยชน์จริงจังได้รอบด้าน

ประตูหลังก็เหมือนกันครับ เข้าออกได้สบายไร้กังวล ยิ่งถ้าได้รองนั่งข้างหลังแล้ว รู้สึกได้ถึงความสบาย หัวเข่าไม่ติดเบาะด้นหน้า เบาะไม่สั้นไม่ยาวจะเกินไป

[mori]

ฉากกั้นด้านท้ายรถสามารถดึงออกเก็บได้ เพียงแค่กด ดึง ตามลูกศร ก็สามารถเพิ่มพื้นที่หลังในการเก็บสัมภาระได้เยอะทีเดียว

เบาะหลังครับ เป็นสิ่งที่ผมชอบอีกอย่างคือ พนักพิงหลังจะแยกออกเป็น ซ้ายและขวา สามารถปรับเอนได้สองจังหวะ ด้วยการดึงสลักข้างเบาะ อีกอย่าง เบาะหลังยังสามารถ แยกพับได้ครับ 60/40 เอาไว้บรรทุกของขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บสัมภาระได้ด้วย

นั่งสบายมาก แต่ที่น่าสียดายจริงๆคือทุกรุ่นไม่มี แอร์สำหรับ เบาะหลังติดมาให้ แก้อีกนิดจะดีมากๆครับ

มาดูข้างในกันบ้างครับ ภายในใช้โทนดำทั้งหมด อุปกรณ์ ทุกอย่างออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งจะเน้นความปลอดภัย สบายตาตามสไตล์เค้า  ไม่ได้เน้นหรูอะไรมากมายเน้น แข็งแรง ส่วนตัวเบาะทำจากหนังสีดำคุณภาพดี นั่งแล้วรู้สึกสบายตัว ช่วงเบาะไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป ทำให้รู้สึกว่านั่งแล้วกระชับตัวเวลาขับที่ความเร็วสูงๆ พูดง่ายๆคือนั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

[mori]

สำหรับใช้กุญแจKey less smart entry มาพร้อมปุ่ม Push start พร้อมทั้ง ระบบ Immobilizer ป้องการการขโมยซึ่งติดตั้งมาจากโรงงาน สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างคือด้านคนขับ มีถุงลมใต้เข่าด้วย ซึ่งค่ายอื่นๆจะไม่ค่อยทำมาให้เห็นเท่าไร

ระบบถุงลมนิรภัยบริเวณเข่าฝั่งด้านคนขับ Subaru เห็นความสำคัญในจุดนี้ที่ต้องมี หาได้น้อยมากที่ค่ายอื่นๆจะติดมาให้

คอนโซนหน้า บอกได้เลยว่า แถบจะเหมือนเจ้า Impreza รุ่นล่าสุด และ XV พวงมาลัยจัดมาให้สวยจนเกินบรรยาย เรียบหรูสุดๆ  พวงมาลัย ออกแบบมากระชับมือมากๆครับ มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ติดมาให้พร้อม  ตัวนี้ให้Paddle shift ช่วยปรับเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพิ่มความสนุก แน่นอนครับขาดไม่ได้ระบบ Cruise control ก็มีมา ระบบบูลทูธครบครัน เหนือแผงควบคุมกลางจะมีหน้าจอ Multi Funtion Display ควบการทำงานด้วยแป้น switch แบบใช้นิ้วกระดิกขึ้นเข้าหาตัวเพื่อใช้ในการปรับเปลี่ยนดูข้อมูลสลับไปมา ติดตั้งที่ก้านพวงมาลัยฝั่งซ้ายล่าง

[mori]

สิ่งที่ผมแอบแปลกประหลาดใจคือ ก้านปัดหน้าฝน แล้วก้านควบคุมไฟหรี่ ต่างจากธรรมชาติรถสัญชาติญี่ปุ่น คือ ก้านปัดน้ำฝนจะอยู่ซ้าย แต่ Forester นั้นอยู่ด้านขวา ส่วนก้านควบคุมไฟหรี่ ปกติอยู่ขวา แต่ Forester จะอยู่ด้านซ้าย

[mori]

เครื่องเสียง 2 din มาพร้อมบลูทูธ  รองรับ USB , AUX (สามารถconnect ได้ที่ช่องเก็บ CD) ถือว่าจัดมาให้ค่อนข้างครบเลยทีเดียวไม่ต้องติดไรเพิ่มเติมแหละ ส่วนระบบแอร์เป็นแบบมือหมุนปรับได้ทั้ง manual และ Auto ครับ ออกแบบมาเป็นกลมๆตัดด้วยสี โครเมียม แบบหมุนตามสไตล์รถ sport ทั่วไป  สังเกตุดูให้ดี คอนโซลกลางออกแบบมาเรียบง่ายต่อการใช้งานจริงๆ ทำอะไรก็ง่ายๆไม่ดูสับสน  ระบบปรับอากศเป็นแบบ Digital อัตโนมัติ แบบแยกซ้ายขวา แบบว่าเย็นเร็วทั้งใจ

Layout แสดงการขับขี่ระบบเครื่อง 4 ล้อ ดูทันสมัย

มาตรวัดเฉลี่ยเข้าใจได้ง่ายช่วงทุกการขับขี่

ระบบวิเคราะห์อัตราการสูญเสียเชื้อเพลิง

การระบบเตือนน้ำหมด สำหรับTank น้ำปัดน้ำฝน

หน้าเมนูที่ออกแบบมาให้ดูง่ายต่อการเข้าใจ ของ หน้าจอ Multi Funtion Display ซึ่งจะบอกข้อมูลทุกอย่างที่คุณต้องการรู้ ตั้งแต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน ไปจนถึงการแจ้งเตือนต่างๆ

[mori]

แผงควบคุม กระจกและอื่นๆด้านคนขับ ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายให้การมองและจับต้องด้วยการทำองศาเข้าหาตัวคนขับ สำหรับปุ่มเปิด-ปิด กระจกจะมีระบบอัตโนมัติเพียงแค่ด้านคนขับเท่านั้น กระจกปรับข้างเป็นแบบลูกเต๋าปรับองศาได้ อยากปรับไปด้านไหนก็โยนไปด้านที่ต้องการแล้วปรับองศาตามใจชอบเหมือนจอยstrick สำหรับ Subaru นี้ หลังจากดับเครื่อง กระจกยังไม่สามารถพับลงเองได้นะครับ จริงๆน่าจะมีมาให้ได้แล้ว หลายๆค่ายเค้าจัดมาให้หมดแล้ว

คันโยกเกียร์ ออกแบบมาให้ดูสบายตาใช้ง่าย เกียร์มาเป็นระบบ CVT สำหรับเจ้า CVT ของ Subaru ค่อนข้างโดดเด่นครับคือ ทนทานเนื่องจากทำมาจากโซ่สามารถทนแรงบิดเยอะๆได้สบายหายห่วง ซึ่งจะไม่เหมือนค่ายอื่นที่ยังเป็นสายพานเหล็กผสมยาง  ระบบขับเคลื่อน แน่นอนครับ  เป็น แบบ AWD หรือที่ค่ายนี้เรียกกันเต็มๆว่า Symmetrical  All Wheel Drive หรือ Full time

ช่องเก็บใส่สัมภาระใส่ได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเหรียญและของจุกจิก layor ด้านใน มี port USB และ AUX มาให้พร้อมสามารถต่อ iPod เล่นเพลงได้ด้วยครับ

[mori]

แค่นั้นยังไม่พอครับ Forester ยังได้นำเทคโนโลยีสุดล้ำมาฝั่งในรุ่นนี้ด้วย เรียนว่า X-Mode ที่จะช่วยตอบสนองการขับขี่บนพื้นผิวถนนลื่นโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำงานควบคู่ไปกับระบบ VDC ควบคุมเสถียรภารการทรงตัวของรถ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าถนนจะอยู่ในสภาพ ลื่น โคลน หิมะ หรืออะไรก็ตาม คุณจะหายกังวลเนื่องจาก ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีการชดเชยและควบคุมไม่ให้ล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรี และถ้ามีการตรวจผมระบบก็จะส่งสัญญาไปชดเชยให้ล้อที่เหลือปรับหมุนเพิ่มขึ้น ลดการส่งแรงบิดไปยังล้อที่กำลังหมุนฟรี

ลืมบอกไปเลยครับ สำหรับ Forester ได้มีการติดตั้งระบบ SI-Drive เพื่อตอบสนองทุกสภาพการขับขี่ของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัว โดย switch จะถูกติดตั้งที่พวงมาลัย ทางด้านขวา มีให้เลือกสอง รูปแบบ คือ S-Drive และ I-Drive  สำหรับ I-Drive เป็น mode การขับขี่แบบธรรมดาๆทั่วไป แบบว่าออกแนวนุ่มนวล ชิลๆสบาย ไม่เน้นขับมัน ขับแข่ง  สำหรับ S-Drive พูดให้เข้าใจง่ายคือออกแนว Sport อัตราเร่งฉับไว ขับสนุก

[mori]

มีล้ออะไหล่ติดมาพร้อมอุปกรณ์ ง่ายต่อการใช้งาน

มองภาพจากมุมนี้ แอบดูหรู Fosrester ได้มีการติดตั้ง Sunroof มาให้ด้วยครับ มี switch เปิด-ปิด การใช้งานง่าย ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่จัดมาให้ครบทุกอย่างจริงๆครับ

[zapdos191]

ยินดีด้วยครับ แต่จะแอบบอกว่า ถ้าว่า 2.0 นี่สมรรถนะจี๊ดแล้ว 2.0XT เครื่องเทอร์โบนั่นบินได้เลยครับ 

ดีใจที่รถถูกใจครับ 

[mori]

สำหรับรุ่นที่ผมได้มาทดลองขับนั่นเป็นรุ่นมาตราฐาน 2.0 i-L เป็นเครื่อง บล๊อก FB20 4 สูบแนวนอน  ตัวนี้ไม่มีเทอร์โบนะครับ เครื่องยนต์ 2,000 CC แรงม้า 150PS /6200 RPM แรงบิด 198NM/4200RPM เกียร์เป็นระบบ Lineartronic  สังเกตุได้ว่าเครื่องยนต์จะเหมือนกับตัว XV ต่างกันแค่ แรงบิดเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเนื่องจากมี ระบบควบคุม วาว์ลแปรผันทั้งด้าน ไอดี ไอเสีย

ช่วงล่างหรือระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สันสครัต ด้านหลังเป็นแบบปีกคู่ การปรับเซตรับรองได้ว่าแน่นหนึบ มั่นใจทุกโค้ง สำหรับการปรับเซตเจ้า Forester นั่น จะถูกปรับเซ็ตให้ ดูดซับแสงสะเทือน บนถนนที่ขรุขระ หรือลูกระนาดในช่วงความเร็วต่ำได้ค่อนข้างนุ่มนวลกว่ารุ่นอื่นๆ

หลังจากได้สัมผัสเจ้า  Subaru Forester (2.0IL CVT) ทัศนวิสัย จัดได้ว่าดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมองซ้าย ขวา กระจกมองหลัง ทำได้ชัดเจนมากๆ สบายตามองแล้วไม่ต้องนึกเข้าใจทุกมุมมองรายละเอียด จะแซงซ้าย แซงขวาก็รู้สึกมั่นใจเนื่องจากจุดบอดแถบจะไม่มีให้เห็น สำหรับการทรงตัวในย่านความเร็วเดินทาง จนถึงช่วงความเร็วสูงนั้น ยังคงนิ่ง หนึบมั่นใจไว้วางใจได้ ต้องให้ credit เรื่องหนึบๆเค้าครับ ทำออกมาได้ดีทุกรุ่น ทุก model โดยภาพรวมยังคงน่าประทับใจไม่เคยเปลี่ยน ซึ่งผมกล้าที่จะเอ่ยปากว่า ความหนักแน่น ความหนึบ มั่นใจได้ในระดับต้นๆของรถที่เป็นกลุ่มเดียวกัน สำหรับ SUV

ระบบเบรคเป็นดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อครับ จานเบรกมีรูระบายความร้อนที่คู่หน้า ที่สำคัญมีระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนักบรรทุกมาให้พร้อม จากการทดสอบแบบบ้านๆของผม ในช่วงความต่ำไปถึงความเร็วสูง ทำได้ดี ถึงดีมากๆ นุ่มนวลจะจังหวะการกดเท้าเบรก สำหรับคนที่อยากจะมีรถดีๆสักคัน ที่ให้ความมั่นใจ ความปลอดภัยจริงๆ กับราคา ล้านกลางๆสำหรับรุ่นธรรมดา ผมแนะนำSubaru Forester (2.0i-L CVT) แล้วคุณจะได้สัมผัสจริงๆว่า ความปลอดภัย รวมถึงสมรรถนะมันเป็นยังไง

[fastfast]

ภายนอกไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เขาเน้นที่ตอบโจทย์การใช้งาน สมรรถนะ กับความปลอดภัยมากกว่า เหมาะเป็นรถครอบครัวดีครับ

[Thawatchaithanee]

 - เบาะหลังจริงๆปรับได้4ระดับครับลองสังเกตุดีๆ เพราะผมเพิ่งรู้เหมือนกันหลังจากรื้อพลาสติกครอบกาบหลังทำความสะอาด
 - ดิสคู่หน้าผมรู้สึกว่าไม่มีรูระบายความร้อน ขอไปดูอีกที

[suratnat]

- เบาะหลังจริงๆปรับได้4ระดับครับลองสังเกตุดีๆ เพราะผมเพิ่งรู้เหมือนกันหลังจากรื้อพลาสติกครอบกาบหลังทำความสะอาด
 - ดิสคู่หน้าผมรู้สึกว่าไม่มีรูระบายความร้อน ขอไปดูอีกที

รบกวนช่วยถ่ายคลิบการปรับเบาะหลังมาโพสต์ดูหน่อยนะ หรือเจ้าพลาสติกครอบกาบหลัง มันอยู่ตรงไหน รบกวนหน่อยนะ