เพื่อหาคำตอบผมว่าคงต้องให้จานอั๋นหรือคุณก้องหรืออีกหลายๆท่านมาอธิบายกันยืดยาว ระหว่างที่รอผมแนะนำว่าลองหาความรู้เรื่อง vehicle dynamic อ่านดูนะครับ เพราะรถทุกชนิดคงหนีไม่พ้นหลักการพวกนี้ จะแสดงออกเร็วหรือช้า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบ ซึ่งก็จะถูกจำกัดโดยความต้องการทางการใช้งานที่แต่ต่างออกไปในรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นครับ พอเข้าใจหลักการพวกนี้แล้ว ก็จะรู้ว่าควรจะหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขยังไง ส่วนว่าจะแก้ไขได้มั้ย อันนี้ตัวแปรก็มีอยู่หลากหลาย ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการฝึกฝนครับ แต่ถึงกระนั้นสถาพบนถนนก็แตกต่างจากสนามแข่งอย่างสิ้นเชิง ลองค้นหาดูครับ จากกระทู้เก่าๆก็ได้ ระหว่างที่รอคำตอบครับ :wavey:
เหมือนโดนกดดันให้ตอบเลยครับพี่ :sleepy:
ถ้ารายละเอียดเฉพาะของกระบะ คงต้องพี่อั๋น เพราะผมไม่เคยขับในสนาม หรือ ขับเร็วๆ เคยแต่ขับบนถนนบ้าง กับ เคยนั่งรุ่นน้องเอามาดริฟเล่น แค่นั้น ขอตอบในแง่รวมๆแล้วกันนะครับ
ในความเห็นของผม คิดว่ามีหลายๆปัจจัยรวมๆกัน คือ
๑. กระบะเดี๋ยวนี้เครื่องค่อนข้างแรง แรงบิดรอบต่ำดี แต่เหตุผลนี้ ผมว่าอาจจะไม่ใช่เหตุผลหลักของอุบัติเหตุที่เกิด เพราะจะกดคันเร่งแล้วขวาง ก็คงเป็นเกียร์หนึ่งเกียร์สองอย่างมาก คงไม่ได้ถึงกับอันตรายมาก เพราะความเร็วไม่สูง
๒. คนขับ ส่วนใหญ่ขับกันเร็วเกินกว่าที่ควรจะขับ ณ สภาพนั้นๆ อันนี้ผมว่าเป็นสาเหตุหลัก อาจจะเพราะว่ากระบะสมัยนี้ วิ่งเร็วแล้วช่วงล่างก็ยังนิ่ง รู้สึกปลอดภัย เลยมั่นใจ แต่คงน้อยคนที่เคยเอามาลองในสนาม เลยอาจจะไม่รู้ว่าที่รู้สึกมั่นใจ มันเกินจากความเป็นจริงหรือเปล่า คงน้อยคนที่จะรู้ ว่ารถตัวเองที่ลิมิต มันรู้สึกแบบไหน
๓. ไม่ค่อยเสียดายรถ อาจจะเหมือนกับ ถือว่ากระบะ ต้องทนทาน ลุยได้ อะไรแบบนั้น เลยเหมือนกับไม่ได้ระวังเท่าที่ควร
๔. โดยธรรมชาติของรถกระบะ เป็นอะไรที่เสียเปรียบรถเก๋งอยู่แล้ว ในแง่ของ physics มันเป็นอะไรที่ต้อง compromise คือ การออกแบบระบบต่างๆ เช่นช่วงล่าง หรือ ระบบเบรค ต้องเผื่อไว้ให้ขับ "ได้" ทั้งตอนที่ใส่ของเต็มหลังรถ กับ ตอนที่ไม่ใส่อะไร อีกทั้งยังเป็นรถที่สูงกว่ารถทั่วๆไป ซึ่งเสียเปรียบอยู่แล้ว แถมราคา ก็ต้องไม่แพง ต่างจากพวก SUV เช่น X5, M-Class, etc. ที่ทำมาขายอีกตลาดนึง ยอมลงทุนเพื่อจะลดข้อเสียเปรียบได้
๕. โจทย์ สำหรับในแง่การตลาด ในการสร้างรถกระบะ ผมว่า กว้างมากๆ สมัยนี้ ยิ่งกว้างกว่าเดิมอีกด้วย เคยได้ยินเรื่องของผู้ผลิตรายหนึ่งที่ประสพความสำเร็จเป็นเจ้าแรกๆของเมืองไทย เค้าบอกว่า ตอนนั้น คู่แข่งสร้างรถโดยที่ยึดตามกฏหมาย เช่น กฏหมายบอกว่า รถกระบะ สามารถขนของหนักได้เท่านั้นเท่านี้ ก็ออกแบบตามนั้น แต่ผู้ผลิตรายนี้ ไม่ได้ออกแบบตามกฏหมาย แต่ออกแบบตามการใช้งานของลูกค้า ซึ่ง ไม่ตรงกับกฏหมาย รถที่เค้าทำออกมาขาย เลยทนทาน ใช้งานได้ตามสภาพการใช้งานจริง พอมาถึงวันนี้ รถกระบะ สำหรับเมืองไทย รุ่นหลังๆนี่ ทำมาเบียดตลาดรถเก๋งอีกต่างหาก เลยยิ่งต้อง compromise มากขึ้น ต้องนั่งสบายกว่ารุ่นก่อนๆด้วย เลยเหมือนกับเป็นเป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้เก่ง
๖. เรื่องรายละเอียดปลีกย่อย ไม่แน่ใจว่าเจ้าของรถกระบะเค้าเช็คกันมากน้อยขนาดไหน เช่น ถ้าใส่ของเยอะ ต้องเติมลมหลังเยอะ พอเอาของออกแล้วลืมปล่อยหรือเปล่า อันนี้ก็จะทำให้หมุนง่ายๆ หรือ สภาพยางหลังของรถที่ใช้งานใส่ของ อาจจะหมดเร็ว ได้สังเกตุกันมากน้อยขนาดไหน เพราะถ้าเป็นรถบ้านทั่วๆไป ส่วนใหญ่ยางหน้าจะหมดสภาพก่อน ก็จะไม่หมุน
รถมีสี่ล้อยังบ่นโน่นบ่นนี่ สามล้อ ทรงตัวยากกว่า ไม่เห็นเป็นไร...
ถ้าเรื่อง handling ของตุ๊กๆ ได้ข่าวว่าจารย์อั๋น โปรมากครับ เดี๋ยวต้องรอเค้ามาตอบ :supergrin: