ผู้เขียน หัวข้อ: BAY พุ่งเป้าเทคโนโลยี-ดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพรุกธุรกิจอาเซียน  (อ่าน 368 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • *
  • กระทู้: 1,059
  • Popular Vote : 0
BAY พุ่งเป้าเทคโนโลยี-ดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพรุกธุรกิจอาเซียนรับโอกาสเติบโต

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า กรุงศรี และเครือ MUFG ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่ยังมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภูมิภาคอาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีจำนวนประชากรที่มากราว 660 ล้านคน มีขนาดของเศรษฐกิจรวมกันเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากอินเดีย และจีน

ขณะเดียวกัน การบริโภคในอาเซียนไปจนถึงปี 73 ยังมีแนวโน้มโน้มที่เติบโตได้สูงถึง 70% ทำให้กรุงศรี และเครือ MUFG เห็นถึงโอกาสในการที่เข้ามารุกธุรกิจด้านการเงินในภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง เพื่อคว้าโอกาสของการเติบโตและเข้ามาเสริมสร้างการพัฒนาด้านการเงินในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนให้ดียิ่งขึ้น เพราะการเติบโตของเศรษฐกิจจะมาพร้อมกับการเติบโตทางด้านการเงินที่เติบโตควบคู่กันไป

ในยุคปัจจุบันการให้บริการด้านการเงินได้มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากการที่มีการนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลต่างๆ เข้ามาใช้มากขึ้น ทำให้การให้บริการทางด้านการเงินสามารถเข้าถึงคนในหลากหลายกลุ่มมากขึ้น และมีความสะดวกในการใช้บริการชำระเงิน การกู้ยืม หรือการทำธุรกิจมากขึ้น จากการเกิด Digital Transformation ที่ทำให้พัฒนาการด้านระบบการเงินมีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มความสะดวกกับผู้ใช้บริการมากขึ้น

"ธนาคารกรุงศรียังคงเดินหน้าในการพัฒนาระบบการให้บริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง จากการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และทำให้ลูกค้าของธนาคารกรุงศรีมีความสะดวกมากขึ้น" นายเซอิจิโระ อาคิตะ กล่าว

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล BAY กล่าวว่า เทคโนโลยี Fintech ถือเป็นการเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการเงินของทั้งโลก ซึ่งธนาคารมองว่าการเข้ามามีบทบาทของ Fintech ถือเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพด้านการให้บริการในระบบการเงิน และเสริมศักยภาพให้กับธนาคารกรุงศรีด้วย ทำให้ธนาคารมีการปรับตัวและนำเทคโนโลยี Fintech เข้ามาผนวกใช้

โดยที่ผ่านมาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินมีอยู่ 5 ด้าน ที่ธนาคารนำมาใช้แล้วและอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อนำมาต่อยอดการบริการ ได้แก่ 1. เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Biometric ซึ่งนำมาใช้ในการยืนยันตัวตนในการใช้ลายนิ้วมือ ใบหน้า หรือพฤติกรรมของคน ที่นำมาใช้ประกอบการยืนยันตัวตน 2. เทคเโนโลยี AI ซึ่งได้นำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า ซทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

3. เทคโนโลยี Open API ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเชื่อมโยงการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ โดยเฉพาะระบบการโอนเงินที่ลูกค้าสามารถโอนเงินข้ามธนาคารได้อย่างสะดวก 4. เทคโนโลยี Blockchain ซึ่งเป็นรากฐานของการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆที่ออกมา ที่ได้มาจากการพัฒนาต่อยอดมาจากนะบบ Blockchain รวมถึงการที่ธนาคารมีแผนในการเพิ่มบริการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Blockchain เช่น การเป็นผู้ออก ICO การพัฒนาระบบ Defi รวมถึง NFT เป็นต้น

5. เทคโนโลยี Virtual Reality (VR) ซึ่งถูกนำมาพัฒนาเป็นโลกเสมือน หรือ Metaverse ซึ่งจะเป็นอีกขั้นของเทคโนโลยีที่เข้ามาประกอบในการใช้ชีวิตของคน และการทำธุรกิจของผู้ประกอบการที่สามารถนำโลกใน Metaverse มาเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ จะเห็นได้จากเริ่มมีแบรนด์ใหญ่หลายๆแบรนด์ โดยเฉพาะแบรนด์แฟชั่น Luxury ระดับโลก ที่เริ่มเข้าไปทำการขายสินค้าหรือไอเท็มของแบรนด์นั้นๆ ใน Metaverse แล้ว

สำหรับโครงการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางด้านการเงินในประเทศไทยที่ธนาคารกรุงศรีฯ จะร่วมกับทางหน่วยงานต่างๆ ผลักดันนั้นมีโครงการ ได้แก่ โครงการ SME Debt Crowdfunding ซึ่งจะเป็นการที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้เข้าถึงช่องทางการระดมทุนได้มากขึ้น และยังมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม ประกอบกับสามารถนำเสนอธุรกิจต่อนักลงทุนที่สนใจเข้ามาระดมทุนให้รู้จักได้มากขึ้น ทำให้เปิดโอกาสในการที่นักลงทุนต่างๆเห็นถึงศักยภาพของบริษัทและพร้อมนำเงินมาลงทุนต่อยอดการเติบโตให้กับเอสเอ็มอี โดยที่ธนาคารกรุงศรีจะออก SME Debt Crowdfunding ตัวแรก และธนาคารจะเป็นผูค้ำประกันให้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน โดยที่จะมีการเปิดระดมทุนภายในปี 65

และ โครงการ Smart Financial Payment ซึ่งเป็นการพัฒนาและยกระดับด้านการทำธุรกรรมของผู้ประกอบการภาคธุรกิจไปสู่ระบบดิจิทัล ทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ การวางบิล และการออกบิล มีความสะวดกและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนการใช้ระบบการโอนเงิน Promptpay ซึ่งเป็นการให้บริการในกลุ่ม C2C พัฒนามาให้บริการในกลุ่ม B2B ในระบบดิจิทัล

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงมีการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างพันธมิตรในการขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความหลากหลายในการต่อยอดธุรกิจ ผ่านการลงทุนของบริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ที่ได้มีการลงทุนใน GRAB Coinbase Carsome Zipmex Finnomena และ Flash express เป็นต้น