ผู้เขียน หัวข้อ: เจริญอุตสาหกรรม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 160 ล้านหุ้น-เข้า SET ปรับปรุงรง.-สร้างคลังสินค้า  (อ่าน 505 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
เจริญอุตสาหกรรม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 160 ล้านหุ้น-เข้า SET ปรับปรุงรง.-สร้างคลังสินค้า

บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญออกใหม่ตอ่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 20.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทมีวัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อ ลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ในช่วงปี 65-66

CH หรือชื่อเดิมคือ จิ้นฮ่วย และบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ (1) ผลไม้อบแห้ง (2) ปลากระป๋อง และ (3) ขนมเพื่อสุขภาพ บริษัทเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น เมียนมา จีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน อิตาลี ฝรั่งเศส คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ในช่วงปี 62-64 บริษัทมีสัดส่วนการขายสินค้าไปยังต่างประเทศ เท่ากับ 71-74% ของรายได้จากการขายรวม

บริษัทมีรูปแบบการจำหน่ายสินค้าแบบรับจ้างการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (OEM) จำหน่ายสินค้าเป็นแพ็คใหญ่ (Bulk Pack) ให้กับกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและกลุ่มลูกค้าธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท อาทิ EROS ซูมาโก้ เรือรบ Meble และ ChinHuay เป็นต้น ให้กับกลุ่มลูกค้าร้านค้าทั่วไป

บริษัทมีบริษัทย่อย 3 แห่ง ประกอบด้วย

1) Chin Huay (Cambodia) Company Limited (CHC) เพื่อขยายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ผลไม้อบแห้งในกัมพูชา ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบมะม่วงสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการทำมะม่วงอบแห้งแบบ Soft-Dried และมีราคาถูกกว่าเพาะปลูกในประเทศไทย ประกอบกับมีอัตราค่าแรงงานที่ต่ำกว่า อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตลาดลูกค้าต่างประเทศ

2) Chin Huay Holding (Singapore) Pte. Ltd. (CHHS) ประกอบธุรกิจลงทุนในกิจการของบริษัทที่จะจัดตั้งหรือร่วมทุนกับพันธมิตรในต่างประเทศ

3) Chin Huay Trading (Singapore) Pte. Ltd. (CHTS) ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของ CHC ไปต่างประเทศ และเป็นตัวแทนจัดซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศให้แก่ CHC โดย CHHS ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% ของทุนจดทะเบียน CHTS

ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีโรงงานผลิต รวม 2 แห่ง ได้แก่ โรงงาน CH ในท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร ผลิตผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ และ (2) โรงงาน CHC ในประเทศกัมพูชา ผลิตผลไม้อบแห้ง

ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท หรือคิดเป็น 640 ล้านหุ้น และภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะมีทุนชำระแล้วเต็มจำนวน

โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 ได้แก่ บริษัท ซีเอช แฟมิลี่ จำกัด ถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วน 38.13% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 30.50% นายประวิทย์ ศรีแสงนาม ถือหุ้น 5.01% จะลดลงเหลือ 4.01% กลุ่มนายประทีป ศรีสกาวกุล ถือหุ้น 4.07% จะลดลงเหลือ 3.26% นายณรงค์ คงคาวนา ถือหุ้น 3.76% จะลดลงเหลือ 3.01% นายสุเมธ คุโณภาสวรกุล ถือหุ้น 2.87% จะลดลงเหลือ 2.29% โดยมี นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม อดีตรมว.สาธารณสุข เป็นประธานกรรมการบริษัท

ผลประกอบการในปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,656.76 ล้านบาท, 1,634.47 ล้านบาท และ 1,442.28 ล้านบาท ตามลำดับ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายภายใต้ตราสินค้าอื่นในรูปแบบสั่งผลิตหรือสินค้า OEM และในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่หรือสินค้าขายส่ง (Bulk Pack) เพื่อลูกค้านำไปบรรจุใหม่เป็นบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็ก (Re-pack) สำหรับจำหน่ายต่อ คิดเป็นสัดส่วนรายได้เฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 93.3% ของรายได้ ในขณะสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าบริษัทเฉลี่ย 3 ปีเท่ากับ 6.7%

ด้านกำไรสุทธิ อยู่ที่ 7.90 ล้านบาท, 67.29 ล้านบาท และ 67.07 ล้านบาท ตามลำดับ อัตรากำไรขั้นต้น 13.07%, 19.85% และ 18.01% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิ 0.47%, 4.09% และ 4.49% ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปี 62 บริษัทมีกำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าระดับปกติ สาเหตุหลักมาจากระดับอัตรากำไรขั้นต้นกลุ่มผลไม้อบแห้งที่ต่ำกว่าระดับปกติ เนื่องจากราคาวัตถุดิบเฉลี่ยทั้งปีที่สูงขึ้นจากภาวะภัยแล้ง

ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,700.51 ล้านบาท หนี้สินรวม 881.40 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 819.11 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ (งบการเงินเฉพาะบริษัท) หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ