ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ไหลไม่หยุด ล่าสุดดิ่งกว่า 200 จุด ผิดหวังตัวเลขจ้างงาน,กังวล IMF เร่งเฟดขึ้นดบ.  (อ่าน 573 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PostDD

  • *
  • กระทู้: 929
  • Popular Vote : 0
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 200 จุด หลังมีรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังถูกกดดันจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 22.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,417.27 จุด ลบ 222.52 จุด หรือ 0.64%

ทั้งนี้ IMF เรียกร้องให้เฟดเร่งการคุมเข้มนโยบายการเงิน ท่ามกลางความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น

"ขณะนี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐกำลังใกล้แตะระดับแนวโน้มก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ตลาดแรงงานตึงตัว ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อในวงกว้าง ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นต่อเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ซึ่งรวมถึงยูโรโซน"

"ดังนั้น จึงเป็นการเหมาะสมสำหรับเฟดที่จะเร่งการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อปูทางสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย" IMF ระบุ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนก.ย.

ก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณยุติโครงการ QE เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงิน QE มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค.

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. และเฟดจะปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย. ซึ่งการลดวงเงิน QE ดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565

โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก โดยนักลงทุนบางส่วนมองว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 210,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 581,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5%