ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลง ก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในคืนนี้
ณ เวลา 18.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 74 จุด หรือ 0.21% สู่ระดับ 34,548 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจีนอนุมัติการขึ้นบินของเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 4.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.
แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า เดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นร้อนแรงมากที่สุดของปี
ข้อมูลระบุว่า ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเฉลี่ย 2.3% ในเดือนธ.ค.นับตั้งแต่ปี 2479 และดัชนีปรับตัวเป็นบวกในเดือนธ.ค.คิดเป็นสัดส่วน 79% นับตั้งแต่ปีดังกล่าว
การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนธ.ค.ได้รับปัจจัยบวกจากปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471