ผู้เขียน หัวข้อ: ปธ.FETCO คาด SET ปี 65 แตะ 1,800 จุด-กำไรบจ.โต,หวัง Fund Flow เข้าเกินแสนลบ.  (อ่าน 527 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 65 ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น เป็นไปตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ราว 4% ได้รับปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 10-15 ล้านคน ซึ่งหากเป็นไปตามคาดจะช่วยสร้าง Momentum ให้เศรษฐกิจได้พอสมควร

ขณะที่เชื่อว่าทางการไทยจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือโอมิครอน จากการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนเข็มที่ 1 และ 2 ทำให้ปัจจุบันมีอัตราการฉีดวัคซีนแล้วถึง 70% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของประชากรทั้งหมด

ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็ยังน่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ 1-2% ทำให้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยอีกแรง

ด้านแนวโน้มอัตรากำไรของบริษัทจดทะเบียน (EPS) บล.ทิสโก้ คาดว่า ในปี 65 จะเติบโตได้ราว 12% จากปีนี้คาดว่าจะเติบโตระดับ 50% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ โดยหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุนในปีหน้า ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว บริการและการบริโภค, กลุ่มเปิดเมือง (Reopening) ที่ได้รับอานิสงค์จากท่องเที่ยวฟื้น, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นจะส่งผลให้หนี้เสียในระบบลดลง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกลับมาดีขึ้น, กลุ่ม Healthcare และ หุ้นปลอดภัย (Defensive) เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ในปีหน้าคาดว่าจะมีกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้ามาในตลาดทุนไทยเกิน 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมองว่าตลาดหุ้นไทยยัง Outperform ตลาดหุ้นอื่นใน Emerging Markets จากเศรษฐกิจเติบโตตามการท่องเที่ยวฟื้นตัว, กำไร บจ.เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก, P/E ตลาดที่ยังไม่สูงมาก, การจัดการโควิด-19 มีประสิทธิภาพ และไม่มีการล็อกดาวน์อีกรอบ รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าก็น่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้ความเสี่ยงที่จะขาดทุนค่าเงินคงมีอีกเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะหนุนให้ดัชนีฯ ปี 65 ปรับตัวขึ้นไปแตะ 1,800 จุดได้ไม่ยาก ซึ่งใกล้เคียงกับคาดการณ์ของกลุ่มนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ที่ระดับ 1,750-1,800 จุด

นายไพบูลย์ กล่าวว่า สำหรับการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยเช้านี้ น่าจะมาจากนักลงทุนคลายกังวลต่อการแพร่ระบาดของโอมิครอน แม้พบว่ามีอัตราการแพร่ระบาดเร็วถึง 2-5 เท่าเมื่อเทียบกับสายพันธ์เดิม แต่ความรุนแรงของอาการไม่มาก และยังไม่พบการตาย อีกทั้งไทยยังมีการบริหารจัดการได้ดี จากวัคซีนเดิมที่ยังรับมือได้

ทั้งนี้ มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ หากมีการแพร่ระบาดของโอมิครอนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมียอดผู้ติดเชื้อสูงกว่า 10,000 ราย ยอมรับว่าคงมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยแน่นอน หรืออาจหลุดระดับ 1,600 จุดอีกรอบ แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นรุนแรงก็เชื่อว่าดัชนีฯ ก็น่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว