ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจแกร่ง-จับตาเงินเฟ้อ  (อ่าน 520 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (9 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 96.2665

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.47 เยน จากระดับ 113.66 เยน, ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9244 ฟรังก์ จากระดับ 0.9198 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2719 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2653 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1288 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1349 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3209 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3234 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7145 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7177 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยหนุนจากคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (10 ธ.ค.) ซึ่งอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 184,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 211,000 ราย

นักลงทุนจะรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (10 ธ.ค.) โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525

นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 3 แห่งของโลกในสัปดาห์หน้า โดยเฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 14-15 ธ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.