ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าทรงตัว นักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด  (อ่าน 468 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าทรงตัว โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อรอดูความชัดเจนว่า เฟดจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด


ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,409.40 ลดลง 23.24 จุด หรือ -0.08% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 23,684.94 จุด เพิ่มขึ้น 48.99 จุด หรือ +0.21%

รายงานระบุว่า การพุ่งขึ้นของดัชนี PPI จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย. 2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.8% ในเดือนต.ค.

ทิฟฟานี วิลดิง นักวิเคราะห์จากบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (PIMCO) คาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศในการประชุมครั้งนี้ว่าจะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็นเวลานาน นอกจากนี้ นักวิเคราะห์จาก PIMCO ยังคาดว่าเฟดจะประกาศลดวงเงิน QE เดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มในเดือนม.ค. 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะประกาศเจตนารมณ์ในการยุติโครงการ QE ในเดือนมี.ค. 2565 ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 15 ธ.ค.นี้ตามเวลาสหรัฐ


สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานไปแล้วนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ของจีน ปรับตัวขึ้น 3.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าในเดือนต.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 3.5% และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 3.6% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง รวมทั้งราคาวัตถุดิบที่อยู่ในระดับปานกลาง

ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้รายงานว่า ตัวเลขจ้างงานของเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 553,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 27.79 ล้านตำแหน่ง โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นก็ตาม ส่วนอัตราว่างงานเดือนพ.ย.ปรับตัวลง 0.8% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 2.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดสำหรับเดือนพ.ย.นับตั้งแต่ปี 2556

ขณะที่สถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลง 1.0% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. และร่วงลง 6.9% จากเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา สู่ระดับ 104.3 แต่ยังคงบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวกนั้นยังคงมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ โดยดัชนีที่ปรับตัวลงในเดือนธ.ค. เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาส