นักวิเคราะห์ของบริษัทเอสแอนด์พี โกล. เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) เปิดเผยรายงานระบุว่า บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งเป็น
บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองของจีนและมีหนี้สินจำนวนมากนั้น มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากบริษัทได้สูญเสียธุรกิจหลักไปแล้วในขณะนี้
S&P ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจคล้ายกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่น ๆ ของจีน โดยขายอพาร์ทเมนท์ให้กับผู้บริโภคก่อนที่โครงการก่อสร้างจะแล้วเสร็จ เพื่อระดมเงินทุนสำหรับโครงการอื่น ๆ ในอนาคต แต่กระแสเงินสดหมุนเวียนของเอเวอร์แกรนด์ประสบปัญหาในช่วงที่ผ่านมา โดยแม้ว่าบริษัทจะสามารถขายสินทรัพย์และหาทางชำระหนี้ให้ทันเวลา แต่เอเวอร์แกรนด์ก็จะยังคงต้องเผชิญกับการชำระหนี้สินจำนวนมหาศาลตามมาอีก
'เอเวอร์แกรนด์ได้สูญเสียความสามารถในการขายบ้านใหม่ ซึ่งหมายความว่า รูปแบบธุรกิจหลักของบริษัทจะสิ้นสุดลงในทางอ้อม และสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะทำให้เอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้เต็มจำนวน'
'ด้วยเหตุนี้ เราจึงยังคงเชื่อว่า เอเวอร์แกรนด์มีแนวโน้มสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้' S&P ระบุในรายงาน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้ติดต่อไปยังบริษัทเอเวอร์แกรนด์เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวของ S&P แต่จนถึงขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้แสดงความเห็นใด ๆ
ส่วนเมื่อวานนี้ เอเวอร์แกรนด์เปิดเผยว่า บริษัทในเครือจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัทเหิงเถิง เน็ตเวิร์ก โฮลดิ้งส์ (HengTen Network Holdings) เป็นมูลค่า 2.13 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (273.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ทั้งนี้ บริษัทในเครือเอเวอร์แกรนด์ได้ทำข้อตกลงกับบริษัทอัลลายด์ รีซอร์สเซส อินเวสต์เมนต์ โฮลดิ้งส์ (Allied Resources Investment Holdings) เพื่อขายหุ้นเหิงเถิงจำนวน 1.66 พันล้านหุ้นที่ราคา 1.28 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดตลาดเมื่อวันพุธ (17 พ.ย.) ถึง 24%