นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 744 บริษัท คิดเป็น 96.2% จากทั้งหมด 773 บริษัท (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 64 สิ้นสุด 30 กันยายน 64 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 563 บริษัท คิดเป็น 75.7% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
สรุปผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 64 บจ. มียอดขายรวม 9,266,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1,198,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.3% กำไรสุทธิ 741,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานและอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.93% และ 8.0% ตามลำดับ สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอยู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 62 ก่อนการระบาดของโควิด-19
โดยผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาเนื่องจาก บจ. ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากครึ่งแรกของปี 63 ที่ได้รับผลกระทบการระบาดของโควิด-19 รอบแรก อีกทั้ง ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปี 64
สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นเดือนกันยายน ปี 64 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ระดับคงที่ที่ 1.50 เท่า
"สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 เทียบกับไตรมาส 2/64 บจ. มียอดขายรวม 3,184,623 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.04% อย่างไรก็ดี มีกำไรจากการดำเนินงาน 383,576 ล้านบาท ลดลง 8.3% และมีกำไรสุทธิ 203,809 ล้านบาท ลดลง 23.7% เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด- 19 สูงที่ขึ้นและมาตรการควบคุมเข้มงวดของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม หมวดธุรกิจที่ยังคงเติบโตได้ดี คือ หมวดธุรกิจการแพทย์ เนื่องจากความต้องการด้านการรักษาพยาบาลมีสูงมากขึ้น" นายแมนพงศ์กล่าว