ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ดิ่งกว่า 600 จุด ผวาโอมิครอนระบาด,วุฒิสภาขวางมาตรการกระตุ้นศก.  (อ่าน 418 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 600 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ

ณ เวลา 22.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,759.58 จุด ลบ 605.86 จุด หรือ 1.71%

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มสายการบินและธุรกิจเรือสำราญ ต่างร่วงลงในการซื้อขายวันนี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งขณะนี้มีการแพร่ระบาดใน 43 รัฐของสหรัฐ และ 90 ประเทศทั่วโลก จะทำให้รัฐบาลต่างๆยกระดับคุมเข้มมาตรการสกัดโควิด-19

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตวัคซีนต่างพุ่งขึ้นในการซื้อขายวันนี้ โดยราคาหุ้นของโมเดอร์นาได้ปัจจัยหนุนจากการการที่บริษัทเปิดเผยว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่หุ้นโนวาแวกซ์พุ่งขึ้น หลังจากองค์การยาแห่งยุโรป (EMA) อนุมัติการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท

ผู้เชี่ยวชาญต่างมีความกังวลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

"การคาดการณ์เรื่องซานต้าแรลลี่ในปีนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะตลาดได้ขึ้นมามากแล้วในขณะนี้ นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง ซึ่งจะทำให้ความผันผวนมากขึ้นในช่วงท้ายปี ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลสูงเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด" นายไมเคิล เอโรน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสเตท สตรีท โกล. แอดไวเซอร์ กล่าว

ส่วนนายเจฟฟ์ ไคลน์ท็อป หัวหน้านักวิเคราะห์จากชาร์ลส์ ชเวบ กล่าวว่า "ขณะที่เราก้าวเข้าสู่ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ วอลุ่มการซื้อขายจะลดน้อยลง ขณะที่ความผันผวนจะมีมากขึ้น และแม้อาจเกิดซานต้าแรลลี่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าปริมาณการซื้อขายที่เบาบางจะทำให้ตลาดแกว่งตัวในช่วงขาลงเช่นกัน"

ที่ผ่านมา ปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" มักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471

ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปี 2565 หลังจากที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอาจถูกคว่ำในวุฒิสภาสหรัฐ

นายโจ แมนชิน ซึ่งเป็นแกนนำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครต ประกาศไม่สนับสนุนร่างกฎหมาย Build Back Better วงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปธน.ไบเดน โดยอ้างว่าจะเป็นการเพิ่มภาระหนี้ให้กับสหรัฐ

ท่าทีของนายแมนชินจะส่งผลให้ร่างกฎหมายดังกล่าวขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอในวุฒิสภา แม้ว่าผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะให้เงินช่วยเหลือในการดูแลเด็กอ่อน, การประกันสุขภาพ และการลดภาษีแก่พลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า หากร่างกฎหมาย Build Back Better ถูกขัดขวางในวุฒิสภาก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวในปี 2565 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้รวมถึงงบประมาณของรัฐบาลจำนวนมากในการใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือปัญหาโลกร้อน ส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2565 สู่ระดับ 2% จากเดิมที่ระดับ 3% และปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาส 2 และ 3 สู่ระดับ 3% และ 2.75% ตามลำดับ จากเดิมที่ระดับ 3.5% และ 3%