ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด บ่งชี้ว่า
ตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นติดต่อกันวันที่ 3 ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานที่ว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ณ เวลา 19.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 107 จุด หรือ 0.30% แตะที่ 35,739 จุด
ผลการวิจัยของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (ICL) ระบุว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาประมาณ 40% - 45% โดยผลการวิจัยดังกล่าวได้จากข้อมูลยืนยันผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR ในประเทศอังกฤษในระหว่างวันที่ 1-14 ธ.ค.
ทางด้านสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้เปิดเผยผลวิจัยระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโอมิครอนมีความเสี่ยงที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเดลตาถึง 80% ขณะเดียวกันพบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโอมิครอนมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรครุนแรงน้อยกว่าติดเชื้อไวรัสเดลตาประมาณ 70%
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นลาสเวกัส แซนส์, หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ และหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นเช่นกัน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน