ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกรับตัวเลขว่างงานต่ำ,คลายกังวลโอมิครอน  (อ่าน 275 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • *
  • กระทู้: 1,059
  • Popular Vote : 0
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน


ณ เวลา 21.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 49 จุด หรือ 0.13% สู่ระดับ 36,430 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.25% เมื่อคืนนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

คาดว่าการซื้อขายในวันนี้จะได้ปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นในตลาดแรงงานสหรัฐ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานใกล้ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 198,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ใกล้ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2512 ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 182,000 ราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 205,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 199,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.2512

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 140,000 ราย สู่ระดับ 1.72 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563

นักวิเคราะห์ต่างเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ จากปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่"

"ซานตาคลอสดีต่อนักลงทุนในปีนี้มาก และเราหวังว่าตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกในปีหน้าเช่นกัน" นายสก็อต เรน นักวิเคราะห์ของเวลส์ ฟาร์โก กล่าว

ด้านนายอนู แกกการ์ นักวิเคราะห์จากคอมมอนเวลท์ ไฟแนนเชียล เน็ตเวิร์ค กล่าวว่า "ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด ทำให้ตลาดมีสภาพคล่องสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ส่วนความคืบหน้าทางการแพทย์ก็ได้ช่วยหนุนการขยายตัว ทำให้ตลาดดีไปหมดในทุกๆด้าน"

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 19.2% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้น 27.6% และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 22.3%

ทั้งนี้ ปรากฎการณ์ "ซานต้า แรลลี่" มักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่

จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471