ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกทำนิวไฮต่อเนื่องในวันพุธ (5 ม.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มรถยนต์ แม้การทะยานขึ้นของตลาดในช่วงปีใหม่เริ่มชะลอลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 494.35 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ +0.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,376.37 จุด เพิ่มขึ้น 58.96 จุด หรือ +0.81%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,271.75 จุด เพิ่มขึ้น 119.14 จุด หรือ +0.74% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,516.87 จุด เพิ่มขึ้น 11.72 จุด หรือ +0.16%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน แต่การทะยานขึ้นดูเหมือนชะลอลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน, อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างผันผวน
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้น 2.7% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าการผลิตจะฟื้นตัวจากภาวะขาดแคลนชิป และยอดขายรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นด้วย
หุ้น BMW พุ่ง 2.2% หลังมียอดขายสูงรถยนต์เป็นประวัติการณ์ในปี 2564
แต่เจพีมอร์แกนเตือนให้ระมัดระวังการลงทุนในปี 2565 โดยระบุถึงความไม่แน่ใจของผู้บริโภคเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป
หุ้นเรโนลต์พุ่ง 5.3% หลังควอลคอมม์ประกาศข้อตกลงเพื่อจัดหาชิปให้กับบรรดาผู้ผลิตรถยนต์รวมถึงเรโนลต์ของฝรั่งเศส
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เพิ่มขึ้น 1.6% ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนคาดว่า อุปสงค์จะฟื้นตัวจากภาวะซบเซาที่เกิดจากโรคโควิดระบาด
หุ้นกลุ่มอื่น ๆ ที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ปรับตัวขึ้นด้วย โดยกลุ่มธนาคาร เพิ่มขึ้น 0.2% จากการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ลดลง 0.5% เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีความน่าดึงดูดใจน้อยลง
ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง ขณะที่ผลสำรวจบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอลงในเดือนธ.ค.เนื่องจากโรคโควิด-19 แพร่ระบาดเพิ่มขึ้น
