ราคาหุ้น TU ดีดขึ้น 2.99% หรือเพิ่มขึ้น 0.60 บาท มาที่ 20.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 788.25 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.12 น. จากราคาเปิด 20.20 บาท ราคาขึ้นไปสูงสุด 20.70 บาท ราคาต่ำสุด 20.10 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า
แนวโน้มกำไร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ในไตรมาส 4/64 ดูดีกว่าที่เคยคาด โดยอาจทำได้ราว 1.8-1.9 พันล้านบาท จากคาด 1.4-1.5 พันล้านบาท ถือเป็นกำไรที่ทรงตัว Q-Q ได้ทั้งที่เป็น low season และต้นทุนยังสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าระวางเรือ ส่วนอลูมิเนียมเริ่มมีผลกระทบในไตรมาส 1/65 และราคาปลาทูน่าที่ล่าสุดทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง จะกระทบไตรมาส 2/65
แต่สิ่งที่ทำให้กำไรในไตรมาส 4/64 อาจดีกว่าคาด และเริ่มคลายกังวลต่อปัญหา Inflation คือ บริษัทเริ่มมีการปรับขึ้นราคากับลูกค้าทั้ง Frozen ที่ตอนนี้ Demand ฟื้นตัวดีมาก และเริ่มเจรจาปรับขึ้นราคา Ambient ซึ่งเป็นการปรับขึ้นทั้งอุตสาหกรรม จึงไม่กระทบต่อการแข่งขัน และเชื่อว่าจะสามารถหักล้างผลกระทบจากต้นทุนที่ปรับขึ้นได้
ดังนั้น จึงยังคาดกำไรสุทธิในปี 64-65 ไว้ตามเดิม +19.2% Y-Y และ +2.5% Y-Y ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 30 บาท
นอกเหนือจากแนวโน้มกำไรที่ดูดีกว่าที่เคยคาด ยังมี Catalyst จากการ Spin-Off ธุรกิจ Pet Care หรือ I-Teil เพื่อปลดล็อก Value แฝงอยู่ใน TU และราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE2022 เพียง 13 เท่า
นอกจากนี้ วานนี้ TU ยังแจ้งว่าได้ให้บริษัทในเครือ คือ บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม ร่วมกับ บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ในเครือ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท แปซิฟิค ทียูเอ็ม โคลด์ สโตเรจ จำกัด ถือหุ้นฝ่ายละ 50% ทำคลังสินค้าห้องเย็นแห่งใหม่กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/65 โดยมีแปซิฟิค ห้องเย็น เป็นผู้บริหารคลังฯ