ออสเตรเลียเผย
การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนหดตัว เหตุโอมิครอนระบาด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนออสเตรเลียปรับตัวลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทำให้ประชาชนต้องอยู่กับบ้าน ส่งผลให้ความต้องการซื้อหาสินค้าลดลง ท่ามกลางปัญหาด้านอุปทานและการขาดแคลนแรงงาน
อาดีเลด ทิมบรีลล์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส อ้างข้อมูลรายสัปดาห์จากเอเอ็นแซด แบงค์กิ้ง กรุ๊ป โดยระบุว่า การใช้จ่ายทั่วประเทศในด้านรับประทานอาหาร การค้าปลีก และการเดินทางรายสัปดาห์นับถึงวันที่ 5 ม.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว
ทิมบรีลล์เสริมว่า ยอดการใช้จ่ายในนครซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด โดยได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่มากเป็นประวัติการณ์
"การที่ประชาชนต้องระมัดระวังตัวในการออกมาใช้บริการในสถานที่สาธารณะ ประกอบกับปัญหาแรงงานขาดแคลน ยิ่งส่งผลให้ยอดการจับจ่ายใช้สอยลดลง" ทิมบรีลล์กล่าว โดยไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่รวบรวมโดยเอเอ็นแซด
นอกจากนี้ การบริโภคภาคเอกชนยังเริ่มส่งสัญญาณหดตัว ซึ่งมีแนวโน้มที่จะฉุดรั้งการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสนี้ โดยการบริโภคภาคเอกชนคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียซึ่งมีมูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
นักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์สำหรับไตรมาสนี้แล้ว แม้จะยังไม่เปลี่ยนมุมมองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดหรือยุติการซื้อพันธบัตรสัปดาห์ละ 4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการประชุมครั้งแรกของปีในเดือนหน้า