ผู้เขียน หัวข้อ: BC เปิดตัว CannaThai420 นำธุรกิจกัญชาก้าวสู่วงการ Blockchain  (อ่าน 378 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • *
  • กระทู้: 1,059
  • Popular Vote : 0

นายปรับ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าเข้าสู่วงการบล็อกเชนอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว CannaThai420 ซึ่งเป็นโครงการบนบล็อกเชนที่เน้นการแสดงให้เห็นถึงวงจรชีวิตและห่วงโซ่คุณค่าของกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย โดยชุด NFT ที่พัฒนาโดย CannaThai420 จะสะท้อนกระบวนการเติบโต วัฏจักร และระบบนิเวศของการเพาะปลูกกัญชาของ บีสโปค ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงการนำส่งเพื่อใช้และจำหน่ายในคลินิกและศูนย์สุขภาพ ของบีสโปคที่จะมีการเปิดขึ้นทั่วประเทศไทย

เมื่อเร็วๆนี้ บีสโปค ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน (RMUTL) ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำหรับการผลิตและเพาะปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์และการแพทย์แผนไทย โดยทางบีสโปค ตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสพิเศษนี้เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครให้แก่ชาว CannaThai420 ทุกคน

ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มต้นโครงการ CannaThai420 จะเปิดตัว Non-Fungible Token (NFTs) ซึ่งจะสะท้อนถึงระบบนิเวศทั้งหมดของการผลิตและการเพาะปลูกกัญชาที่ถูกกฎหมายของบีสโปค ในประเทศไทย โดยผู้ถือ NFT สุดพิเศษเหล่านี้ จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ รวมถึงการใช้บริการคลินิกกัญชาและศูนย์สุขภาพของบีสโปค ทั่วประเทศไทย

ทีมงานผู้เชี่ยวชาญได้รวมตัวกันเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบนิเวศ CannaThai420 และเพื่อสร้าง NFTs ที่สามารถเป็นของสะสมดิจิทัลที่มีความโดดเด่นสวยงาม นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ที่ได้รับในโลกแห่งความเป็นจริง โดย CannaThai420 ได้มอบหมายให้ศิลปิน NFT ชื่อดังของไทย อาทิ 3puck, Zleepygirl และ Dojo Namwong ออกแบบงานศิลปะแต่ละชิ้นให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร

NFT ชุดแรกที่จะออกสู่ตลาด ถูกเรียกว่า Seed Plant ในขั้นต้นจะมีการสร้าง NFT ที่ไม่ซ้ำกันทั้งหมด 120 แบบ และจะขายในตลาดเพียง 99 แบบเท่านั้น ส่วนที่เหลือของ Seed Plant จะเพิ่มเข้าไปอยู่ในคลังของ CannaThai420 โดย NFT 99 ชิ้นนี้ จะตามรอยการเจริญเติบโตของ 99 เมล็ดพันธุ์ ที่ได้ปลูกไปแล้วในสถานที่ปลูกในร่ม ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยจากนวัตกรรมของบีสโปค ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน (RMUTL)

ก่อนหน้านี้ความร่วมมือระหว่าง RMUTL และ บีสโปค ได้รับการอนุมัติจาก อย.ให้นำเข้ากัญชา เพื่อใช้สำหรับการเพาะปลูกกัญชาเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยปัจจุบัน บีสโปค และ RMUTL ได้นำเข้าเมล็ดพันธุ์ 380 เมล็ดจาก 39 สายพันธุ์ โดยมีเมล็ดพันธุ์กัญชาคุณภาพสูงจากต่างประเทศที่มากที่สุดในประเทศไทยในแง่ของจำนวนสายพันธุ์ ปัจจุบัน บีสโปคได้เพาะเมล็ดไปแล้วทั้งสิ้น 120 เมล็ด ดังนั้น แม้ว่าจะมีการสร้าง NFT ที่ไม่ซ้ำกัน 120 รายการตามแบบเมล็ดพันธุ์จริงที่ปลูก แต่ระบบนิเวศ CannaThai420 ทั้งหมดจะมี Seed Plant NFT อย่างมากที่สุดเพียง 380 แบบเท่านั้น

Seed Plant NFT จะเป็นชุดแรกของ NFT ที่จะเปิดตัว ซึ่งจะแสดงให้เห็นและสะท้อนถึงกระบวนการเติบโต วัฏจักร และระบบนิเวศของการเพาะปลูกกัญชาของบีสโปค ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงคลินิกและศูนย์สุขภาพของ บีสโปค ประเทศไทย

NFTs ของ CannaThai420 มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงถึงการเดินทางในโลกแห่งความเป็นจริงและคุณค่าของการเพาะปลูกกัญชา จึงทำให้ความสำคัญของ Seed Plant NFT ยิ่งมีมากขึ้น ประการแรก Seed Plant NFT จะเป็นการริเริ่มนำเสนอพืชกัญชาที่ถูกกฎหมายครั้งแรกในประเทศไทย ประการที่สอง เมื่อผ่านการเพาะต้นกล้าจากเมล็ดพันธุ์แล้ว วงจรการปลูกต้นกัญชาแม่พันธุ์ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ซ้ำแล้ว

ดังนั้น Seed Plant NFT ที่สร้างขึ้นจึงจะยังคงเป็นสิ่งที่หายากและเป็นที่ต้องการภายในระบบนิเวศของ CannaThai420 ประการที่สาม Seed Plant NFT จะเป็นบันไดขั้นแรกในการค้นหาแม่พันธุ์กัญชาที่แข็งแรงและมีค่าที่สุด ซึ่งเรียกว่า Royal Alpha Family ซึ่งประกอบด้วย 1 อัลฟ่าควีน (Alpha Queen) และ 9 อัลฟ่าปริ๊นเซส (Alpha Princesses) ซึ่งหมายความว่าผู้ถือ Seed Plant NFT มีโอกาสที่ได้เป็นผู้ถือครองพืชกัญชาที่ทรงคุณค่าและทรงพลังที่สุดในประเทศไทย ในรูปแบบของสะสมดิจิทัลด้วย

NFT ของ CannaThai420 จะได้รับการพัฒนาบนบล็อกเชน Ethereum ซึ่ง Seed Plant NFT จะมีราคาเริ่มต้นที่ 0.42 ETH ทั้งนี้ NFTs จะวางจำหน่ายบนเว็บไซต์ที่กำลังถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับการขาย http://www.cannathai420.com/ และสามารถซื้อขายได้ในตลาดรองของ NFT เช่น OpenSea เป็นต้น โดยจะพร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการ เริ่มต้นวันที่ 28 ม.ค. 65 เวลา 13.00 น. สำหรับการอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับแผนงานและโครงการ สามารถติดตามได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียของ CannaThai420 เช่น Twitter, Instagram, Facebook และ Telegram

"การตัดสินใจเข้าสู่วงการบล็อคเชน แสดงให้เห็นความคล่องตัวและวิสัยทัศน์เชิงนวัตกรรมของบูทิค เพื่อปรับตัวและต่อยอดในช่วงโควิด-19 โดยเรากำลังขับเคลื่อนไปสู่กลยุทธ์ธุรกิจแบบ Asset Light ผมมองถึงการผสานรวมเทคโนโลยีบล็อกเชนในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ และไพรเวทอิควิตี้ของเรา และภายในการดำเนินงานของสำนักงานใหญ่ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นการเริ่มต้นของหนึ่งในหลายจุดเปลี่ยนที่จะร่วมเปลี่ยนแปลง บูทิค คอร์ปอเรชั่น ไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆในอนาคต" นายปรับ กล่าว