ฟิทช์ปรับ
เพิ่มอันดับเครดิตของ บล. เคทีบีเอสที เป็น 'BB+(tha)'; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) (หรือ KTBSTSEC) เป็น BB+(tha) จาก BB(tha) แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ฟิทช์ได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นและอันดับเครดิตตราสารหนี้ด้อยสิทธิของบริษัทที่ 'B(tha)'
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตนี้อ้างอิงจากมุมมองของฟิทช์ว่าความสามารถในการสร้างรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ที่แข็งแกร่งขึ้นและมีการดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตภายในประเทศของ KTBSTSEC สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่ค่อนข้างเล็ก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในด้านปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่สูงกว่า 1% เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านของรายได้ค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทโดยรวมแล้วมีเสถียรภาพแม้ว่าตลาดมีความผันผวน นอกจากนี้ในมุมมองของฟิทช์ผู้บริหารของ KTBSTSEC ยังประสบความสำเร็จในการขยายแหล่งรายได้อื่นที่นอกเหนือจากค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทอีกด้วย รายได้ที่มิใช่รายได้จากค่านายหน้า (non-brokerage) คิดเป็นประมาณ 68% ของรายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นจาก 39% ในปี 2560
เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ KTBSTSEC ได้รับประโยชน์จากสภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งในปี 2564 ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2564 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก โดยมีกำไรจากการดำเนินงานต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 37.4% (จาก 18.6% ในปี 2563) ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวอาจปรับตัวลดลงในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า แต่แนวโน้มผลประกอบการในระยะกลางของบริษัทน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับความคาดหมายของฟิทช์สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกันและอยู่ในสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่คล้ายกัน
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานเงินทุนที่เล็กกว่าและระดับหนี้สินที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นที่ได้รับการจัดอันดับโดยฟิทช์ นอกจากนี้ฟิทช์มองว่า KTBSTSEC ยังคงมีความเสี่ยงในด้านการระดมทุนและสภาพคล่องมากกว่าเมื่อเทียบกับบริษัหลักทรัพย์อื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า เนื่องจากการมีเสถียรภาพในด้านการระดมทุนและมีประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินทุนที่ผ่านมาในอดีตที่น้อยกว่า
ตราสารหนี้ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของบริษัทที่ 'B(tha)' นั้น พิจารณาจากอันดับเครดิตภายในประเทศในกรณีที่หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้ระยะยาว (implied National Long-Term Rating) ซึ่งจะได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'BB(tha)' และจะเทียบเคียงได้กับอันดับเครดิตระยะสั้น โดยอ้างอิงจากตารางการเทียบอันดับเครดิตระยะสั้นและระยะยาวของฟิทช์
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิในกรณีที่เป็นอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ BB(tha) นั้นเป็นระดับที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBSTSEC อยู่ 1 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risks) ของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีมากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ซึ่งเป็นผลมาจากสถานะด้อยสิทธิของหุ้นกู้ โดยผู้ถือหุ้นกู้จะมีลำดับสิทธิในการเรียกร้อง (priority of claims) ด้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญ
ฟิทช์ไม่ได้ปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวเพิ่มเติม เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption features) และไม่มีคุณสมบัติการแปลงเป็นทุน (equity conversion) ฟิทช์ใช้เกณฑ์ Corporate Hybrids Treatment and Notching Criteria ในการจัดอันดับเครดิตซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพิจาณาอันดับเครดิตสำหรับบริษัทหลักทรัพย์อื่น
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นจากระดับปัจจุบันในระยะสั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากบริษัทเพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
ในระยะยาวอันดับเครดิตของ KTBSTSEC อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากบริษัทสามารถแสดงให้เห็นถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นซึ่งสะท้อนถึงสถานะของโครงสร้างธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่ยังคงระดับการยอมรับความเสี่ยงได้อย่างสม่ำเสมอ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจแสดงให้เห็นได้โดยการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่องและมีการกระจายตัวของแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของรายได้ ประกอบกับมีการปรับตัวดีขึ้นของฐานะเงินทุนและสภาพคล่อง
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBSTSEC ซึ่งเป็นอันดับเครดิตอ้างอิง แต่อย่างไรก็ตามโอกาสที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับก็ต่อเมื่อ KTBSTSEC ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวขึ้นไปเป็น 'BBB(tha)' หรือสูงกว่า ซึ่งสอดคล้องกับตารางแสดงความเชื่อมโยงระหว่างอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นและระยะยาว
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการปรับลดอันดับเครดิตในระยะสั้นเนื่องจากบริษัทเพิ่งได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต
อย่างไรก็ตามหากแนวโน้มของฐานะทางการเงินที่ได้มีการปรับตัวดีขึ้นของ KTBSTSEC ปรับตัวกลับมาแย่ลงอย่างมาก เช่น ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแตกต่างไปจากความคาดหวังของฟิทช์ และแนวโน้มของอุตสาหกรรม อาจส่งผลให้อันดับเครดิตถูกปรับลดลงได้ แนวโน้มดังกล่าวอาจบ่งชี้ถึงโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทที่อ่อนแอกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ ประกอบกับระดับความท้าทายที่สูงขึ้น ต่อความสามารถในการระดัมทุนของบริษัท นอกจากนี้การปรับตัวแย่ลงอย่างมากของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานหรือสภาพแวดล้อมในการแข่งขันที่สูงขึ้น อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่ออันดับเครดิตได้เนื่องจากเครือข่ายธุรกิจที่ค่อนข้างเล็กของ KTBSTSEC
การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTBSTSEC หลายอันดับและลงไปในกลุ่มอันดับเครดิต 'B(tha)' จะส่งผลให้อันดับเครดิตระยะสั้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิถูกปรับลดอันดับเครดิต อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าจะเกิดการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น