ผู้เขียน หัวข้อ: ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ BANPU วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นลบ.  (อ่าน 423 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ BANPU วงเงินไม่เกิน 1 หมื่นลบ.ที่ A+ / Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. บ้านปู (BANPU) ที่ระดับ "A+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่"

พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 7 พันล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A+" ด้วยเช่นกัน โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในอุตสาหกรรมถ่านหินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนการมีรายได้ที่แน่นอนจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และการปรับกลยุทธ์สู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดแบบครบวงจรของบริษัท ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความผันผวนของราคาถ่านหินและอุปสงค์ถ่านหินที่ชะลอตัวในระยะยาวซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากความพยายามในการลดมลพิษทางอากาศของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกอีกด้วย

ณ เดือนกันยายน 2564 บริษัทมีภาระหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนประกอบด้วยหนี้ของบริษัทย่อยซึ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถ่านหินต่อไป โดยเงินปันผลรับจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มั่นคงและกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากความผันผวนของอุตสาหกรรมถ่านหินลงได้บางส่วน ในขณะที่สภาพคล่องทางการเงินที่ดีจากการมีวินัยทางการเงินและการบริหารเงินสดที่ระมัดระวังจะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวผ่านพ้นสถานการณ์ที่อุตสาหกรรมมีความผันผวนไปได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหรือมีกระแสเงินสดที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานอ่อนแอกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้เป็นอย่างมาก ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้หากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติลดลงจากระดับที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ การลงทุนโดยการก่อหนี้เพิ่มจนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้