ผู้เขียน หัวข้อ: นายกฯ วอนผู้ค้าหยุดผลักภาระทำของแพง  (อ่าน 390 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
นายกฯ วอนผู้ค้าหยุดผลักภาระทำของแพง,เร่งเปิด "คนละครึ่ง"เฟสใหม่ 14 ก.พ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์สินค้าราคาแพงด้วยความห่วงใย โดยเตรียมนำประเด็นสินค้าราคาแพง เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้เพื่อพิจารณามาตรการเร่งด่วนบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยไม่ให้กระทบกลไกตลาด โดยจะเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากหลายมาตรการที่กระทรวงพาณิชน์และกระทรวงพลังงานได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีว่าการปรับราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด เนื่องจากที่ผ่านมา ราคาสินค้าต้นทุนหลายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งราคาพลังงาน อาหารสัตว์ รวมไปถึงสินค้าบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์ ไก่ หมู ที่มีปริมาณในระบบลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคยังคงเท่าเดิมหรือสูงขึ้น จากที่ปลายเดือนนี้เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน อาจทำให้ปริมาณความต้องการเนื้อสัตว์ หมู ไก่ เป็ดและผลไม้ รวมทั้งสินค้าอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น อาจกระทบราคาจำหน่ายที่แพงขึ้นเป็นการชั่วคราวด้วย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาสินค้าแพงดังกล่าวส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้น รัฐบาลพร้อมจะเข้าไปดูแลแก้ปัญหาโดยตรึงราคาสินค้าบางส่วนไว้เพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด แต่ยังเชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในปีนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1-3%

นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเร่งมาตรการลดภาระประชาชน/กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และให้กระทรวงการคลังหารือเร่งด่วนเพื่อเดินหน้า "คนละครึ่งเฟส 4" เร็วขึ้น ซึ่งจะเปิดลงทะเบียน 14 ก.พ. 65 เริ่มใช้จ่าย 21 ก.พ. 65 จากเดิมที่กำหนดไว้ช่วงมี.ค.-เม.ย.65 เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนและเติมเม็ดเงินในระบบ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการคู่ขนาน จึงอยากขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ลดการผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค ซึ่งอาจจะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมกำลังซื้อของคนในประเทศได้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ ได้รับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในการกำหนดมาตรการดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพประจำวัน โดยคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ต่ออีก 2 เดือนที่ราคา 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ถึงวันที่ 31 มี.ค.จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. นี้

และ บมจ.ปตท. (PTT) ลดราคาก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจนถึงวันที่ 31 มี.ค.65 อีกทั้ง ให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม และคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV โครงการ "เอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน" ให้กับผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาท/กิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565

ด้านกระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.65 ต่อเนื่องไปเป็นเวลา 3 เดือน กรมการค้าภายในยังได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดราคาจำหน่ายไก่มีชีวิตหน้าฟาร์ม และราคาจำหน่ายปลีกชิ้นส่วนไก่สด เป็นระยะเวลา 6 เดือน สิ้นสุดในเดือนมิ.ย.65 และตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ที่ 2.90 บาท ไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์ยังรับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีในการแก้ปัญหาราคาหมูแพง ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากราคาต้นทุนอาหารสัตว์ที่เป็นต้นทุนหลักในการเลี้ยงหมูเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งขณะนี้ สำนักงานพัฒนาอาหารสัตว์ ได้เร่งศึกษาสูตรผลิตอาหารสัตว์ เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกรเจ้าของฟาร์ม