aCommerce Group จับมือเป็น
พันธมิตรรายแรกกับ Shopify Plus ในไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
aCommerce ผู้นำด้านการให้บริการและระบบเพื่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรรายแรกของ Shopify Plus ในประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการในอาเซียนเพื่อการสร้างธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีความน่าเชื่อถือ มีความยืดหยุ่น ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างมาตรวัดทางธุรกิจได้ โดยจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเชื่อมโยงสู่ผู้บริโภคผ่านช่องทางการจำหน่ายได้โดยตรง ซึ่งรวดเร็วกว่าการอาศัยแพลตฟอร์มเพื่อธุรกิจอื่น ๆ
Shopify Plus คือผู้นำเสนอแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์เทรนด์ในตลาดและคุ้มค่าต่อการลงทุน ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจค้าปลีกโดยตรงสู่ผู้บริโภค (D2C: Direct-To-Consumer Retail) โดย aCommerce จะใช้ชุดผลิตภัณฑ์ระดับเวิลด์คลาส ความสามารถในการขยายขนาดธุรกิจ และการสนับสนุนของทีมงาน Shopify Plus เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้ประกอบการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังทวีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้
aCommerce ผู้ให้บริการและระบบอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร เชื่อมั่นว่าการจับมือเป็นพันธมิตรกันครั้งนี้จะมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าทั้งสำหรับผู้ประกอบการและลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดย aCommerce จะผสานองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญโดยที่ครอบคลุมทางตลาด ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนา และขีดความสามารถในการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย เข้ากับระบบอัตโนมัติอันทรงประสิทธิภาพ เครื่องมือส่งเสริมการขาย และการเชื่อมต่อเว็บไซต์ผ่าน API จาก Shopify Plus เพื่อมอบสิ่งที่แบรนด์ต่าง ๆ จำเป็นในการเสริมสร้างศักยภาพของช่องทางธุรกิจแบบ D2C
ทอม ศรีวรกุล Group Head Of Business Development at aCommerce กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ Shopify Plus ซึ่งเป็นโซลูชันหลักของแบรนด์ในภูมิภาคที่ต้องการขยายช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุม การใช้แผนธุรกิจ การขายสินค้าแบบปลีกผ่านช่องทางการขายเฉพาะที่เป็นของแบรนด์เอง (Direct To Consumer) จะช่วยให้แบรนด์สามารถควบคุมระดับการมีส่วนร่วมของลูกค้า การจัดโปรแกรมสมนาคุณ การเพิ่มผลกำไรส่วนต่าง และกรรมสิทธิ์ในข้อมูลทั้งหมด โดยลูกค้าของ aCommerce ที่เพิ่มช่องทาง Direct To Consumer ในพื้นที่ขายแบบ Marketplace และ Social Commerce ของแบรนด์ก็จะได้รับประโยชน์จากการมองเห็นการแสดงผลภาพรวมของช่องทางการจำหน่ายทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารสินค้า การตลาด และห่วงโซ่อุปทาน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด"
"Shopify Plus มอบแพลตฟอร์มอันทรงประสิทธิภาพที่ปรับขยายการดำเนินงานได้ ซึ่งสามารถส่งเสริมธุรกิจทุกประเภท นับตั้งแต่ผู้ประกอบการแบบค้าปลีกผ่านช่องทางการขายเฉพาะที่เป็นของแบรนด์เอง (Direct To Consumer) ไปจนถึงผู้ประกอบการชื่อดังและบริษัทในรายชื่อ Fortune 500 ที่ขายสินค้าแก่ผู้บริโภคโดยตรง" นีล บาตต์ Head of Partnerships, SEA, Shopify Plus กล่าว "เรามั่นใจว่า aCommerce จะสามารถช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทั้งหมดของ Shopify Plus เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ"