ผู้เขียน หัวข้อ: ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก นักลงทุนจับตาการประชุมเฟด  (อ่าน 390 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0


ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

ณ เวลา 00.01 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.29% สู่ระดับ 114.28 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.14% สู่ระดับ 129.62 เยน และดีดตัวขึ้น 0.17% สู่ระดับ 1.134 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.18% สู่ระดับ 95.56

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างแสดงความเห็นสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น จากปัจจุบันที่พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์

ปอนด์แข็งค่าเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ หลังจากที่อังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี

นอกจากนี้ ปอนด์ยังได้แรงหนุนจากการที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางมรสุมทางการเมือง

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย.

ดัชนี CPI ดังกล่าวสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กำหนดไว้กว่า 2 เท่า

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในเดือนก.พ. เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันในวันนี้ว่า เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และทุกฝ่ายควรรอผลการสอบสวนต่อกรณีอื้อฉาวที่รัฐบาลจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงล็อกดาวน์ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎข้อบังคับใดๆ หรือไม่

"ผมจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง และผมขอโทษอย่างจริงใจต่อการตัดสินใจผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยเราควรรอผลการสอบสวนในสัปดาห์หน้าก่อนที่จะทำการด่วนสรุป" นายจอห์นสันกล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้

ทั้งนี้ ประชาชนและนักการเมืองอังกฤษทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างแสดงความโกรธแค้นต่อนายจอห์นสัน หลังมีข่าวว่า เขาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่จัดขึ้นในสวนที่บ้านพักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2563 ซึ่งขณะนั้นอังกฤษอยู่ในช่วงล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทางด้านนายจอห์นสันได้ชี้แจงว่า เขารู้สึกเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว และยืนยันว่าเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อทุกคนที่ได้ทำงานอย่างหนักในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเขาเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่างานเลี้ยงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน

ขณะนี้ มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา นำโดยนางซู เกรย์ ซึ่งเป็นข้าราชการอาวุโส เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว รวมทั้งการที่รัฐบาลอาจมีการจัดงานเลี้ยงอีกหลายครั้งหลังจากนั้น ว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อกฎข้อบังคับใดๆ หรือไม่ โดยนางเกรย์จะเปิดเผยผลการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า

มีการคาดการณ์กันว่า หากนายจอห์นสันต้องพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าจากการลาออกโดยสมัครใจ หรือถูกปลดออก ตัวเก็งที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไปคือนายริชิ ซูแนค รัฐมนตรีคลังอังกฤษ แม้ว่าที่ผ่านมาเขายืนยันว่าไม่มีความสนใจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ตาม