ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 313.26 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย  (อ่าน 366 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • *
  • กระทู้: 931
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดาวโจนส์ปิดร่วง 313.26 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย-แรงขายช่วงท้ายตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้าย อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,715.39 จุด ลดลง 313.26 จุด หรือ -0.89%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,482.73 จุด ลดลง 50.03 จุด หรือ -1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,154.02 จุด ลดลง 186.23 จุด หรือ -1.30%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในพุธ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี แต่ตลาดร่วงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนได้ส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้าย ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้ประกาศสนับสนุนให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน และลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่เฟดเคยนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก โดยปธน.ไบเดนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และย้ำว่าภารกิจของเฟดคือการควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้ การแสดงความเห็นของปธน.ไบเดนมีขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ

ตลาดยังถูกกดดันจากราคาหุ้น Peloton Interactive ที่ทรุดตัวลงเกือบ 24% หลังจากสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า Peloton ระงับการผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายซึ่งรวมถึงเครื่องปั่นจักรยาน เนื่องจากดีมานด์ชะลอตัวลง ทั้งนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้น Peloton ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทหายไปเป็นจำนวนมากถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สินค้าของบริษัทได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่ประชาชนต้องอยู่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการระบาดของโรคโควิด-19

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 1.94% โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 2.79% หุ้นไนกี้ ลดลง 1.64% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ดิ่งลง 4.43%

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 1.43% นำโดยหุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ดิ่งลง 5.75% หุ้นนิวมอนท์ ลดลง 1.71% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 2%

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 3.56% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Jefferies ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นฟอร์ดลงสู่ระดับ "Hold" จากเดิมที่ระดับ "Buy"

หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.18% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 1.42 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2564 ส่วนหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 3.42% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 1.60 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2564

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 286,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย และสูงกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 231,000 ราย

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 4.6% สู่ระดับ 6.18 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และหากเทียบเป็นรายปี ยอดขายบ้านมือสองลดลง 7.1% ในเดือนธ.ค.