¹ Ǣ: แนวทางสังเกต“เยี่ยว”สัญญาณอันตรา  (ҹ 486 )

0 Ҫԡ 1 ؤŷ ѧǢ͹

ͿŹ inyjutxa

  • *
  • з: 4
  • Popular Vote : 0


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในวันหนึ่ง ร่างกายของพวกเราๆจะต้องพบเจอกับอาการเจ็บป่วย ซึ่งอย่างน้อยก็โชคดีที่หลายๆอาการมักมีสัญญาณเตือนที่ค่อนข้างจะแจ่มชัด เพื่อแจ้งให้พวกเรารีบรักษาหรือดูแลตนเองโดยเร่งด่วน

แต่ว่าก็ไม่ใช่ทุกโรคหรืออาการป่วย ที่จะส่งสัญญาณได้แจ่มแจ้งแล้วก็ทันเวลาต่อการดูแลและรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในอาการที่ทางการแพทย์ชูให้เป็น “ฆาตกรเงียบ” อย่าง “โรคไต” ทั้ง 2 ชนิดอาการที่พบมากสุด คือ “ไตวายรุนแรง” และ “ไตวายเรื้อรัง” ที่กว่าคนเจ็บจะรู้สึกตัว คุณ าพของไตก็บางทีอาจถดถอยไปๆมาๆกกว่า 70% จนถึงส่งผลเสียต่อสุข าพร่างกายอย่างปรับแต่งคืนมาไม่ได้

ด้วยความเป็นอวัยวะสำคัญที่แบกรับหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย ทำให้เมื่อไตเกิดปัญหา คุณ าพสำหรับการจัดการกับของเสียจึงจะต่ำลง โดยที่เห็นชัดที่สุดอาจไม่พ้นของเหลวที่ถูกขับออกมา อย่าง “ฉี่” ไม่ว่าจะจำนวนที่น้อยลง หรือสีที่ผิดปกติ แม้กระนั้นในอีกมุมหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของฉี่นี้ ก็นับเป็นจุดพิจารณาบ่งบอกลักษณะโรคไตก้าวหน้าที่สุดเหมือนกัน

แนวทางสังเกต “ฉี่” สัญญาณอันตราย “โรคไต”
โรคไตวายรุนแรง
ปริมาณฉี่ที่น้อยหรือมีสีเปลี่ยนไปจากปกติ มีสีน้ำล้างเนื้อ มักตรวจพบพร้อมกับค่าความดันเลือดที่สูงเปลี่ยนไปจากปกติ
ฉี่ที่น้อยมาก แม้กระนั้นไม่มีความไม่ปกติ ละเว้นถ้าเกิดตรวจพบเม็ดเลือดแดงและก็โปรตีนไข่ขาวปนออกมาด้วย
ผู้ป่วยอาจจะมีอาการร่วมคืออิดโรยง่าย รู้สึกหวิวๆหัวใจเต้นผิดจังหวะ อ่อนเพลีย ไม่อยากกินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน มีอาการบวมน้ำหรือขาดน้ำ-อย่างใดอย่างหนึ่ง มักเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการเกิด าวการณ์ช็อกจากการเสียน้ำหรือเลือดปริมาณมาก มีการติดโรคในกระแสโลหิตอย่างหนัก ได้รับสารพิษหรือผลข้างเคียงจากยา จนถึงทำให้ไตสูญเสียการทำงานอย่างเร็ว  ายในช่วงระยะเวลาเป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์

โรคไตวายเรื้อรัง
สิ่งที่ทำให้เกิดโรคมีเหตุที่เกิดจาก าวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆดังเช่น โรคไตที่เกิดขึ้นมาจากเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือเกาต์ ความน่าสยดสยองของโรคนี้เป็นอาการที่ไม่แสดงความไม่ดีเหมือนปกติกระทั่งการทำงานของไตจะน้อยลงเหลือจำนวนร้อยละ 25 หรือ 1 ใน 4 ของคนปกติ ผู้เจ็บป่วยก็เลยเริ่มมีอาการเพลีย หอบ ไม่อยากอาหาร อาเจียนอ้วก ตัวบวม กดยุบ คันเรียกตัว ซึ่งถ้าหลักการทำงานของไตลดลงเหลือน้อยกว่าจำนวนร้อยละ 10 คนป่วยจะมีลักษณะเหล่านี้แสดงออกมาแจ่มแจ้งทุกราย พร้อมๆกับเนื้อไตที่ถูกทำลายไปทีละน้อยเป็นเวลาแรมเดือน นานเป็นปีๆ

อาการที่สังเกตได้จากเยี่ยว
แพทย์น๊อต เตชะวัฒนวรรณา แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคไต โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า

คนป่วยที่มีไตวายระยะเริ่มต้น ในยามค่ำคืนจะฉี่หลายครั้งรวมทั้งมีสีจาง
กระทั่งที่สุดเมื่อรูปแบบการทำงานของไตเสื่อมลงหรือไตวาย คนเจ็บจะมีฉี่ออกน้อยมาก
หากรูปแบบการทำงานของไตลดเหลือเพียงจำนวนร้อยละ 25 ผู้เจ็บป่วยจะมีอาการข้างนอกให้เห็นเป็น ผิวหนังซีด แห้งคัน มีจ้ำเลือดเกิดขึ้นง่าย เป็นแผลหายช้า หรืออาจมีผิวหนังตกสะเก็ดดำคล้ำกว่าธรรมดา บางรายบางทีอาจผ่ายผอมเพราะว่าน้ำหนักที่ลดลง ตรงกันข้ามโรคไตบางจำพวกอาจทำให้ผู้เจ็บป่วยตัวบวม-ขาบวม ร่วมกับมีน้ำหนักที่มากขึ้น

ความเสื่อมโทรมที่เกิดกับคนป่วยไตวายจะมีขึ้นทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะระบบทางเดินอาหาร ระบบกระดูกที่ไตสูญเสียหน้าที่สังเคราะห์วิตามินดี ส่งผลให้แคลเซียมในเลือดต่ำ เกิด าวะกระดูกพรุน แตกหักง่าย  ูมิต้านทานโรคที่ลดลดลง เป็นต้นเหตุให้ติดเชื้อได้ง่าย ทั้งอาการบวมจากโรคไตยังทำให้ระบบหัวใจทำงานไม่ไหว เกิดอาการอ่อนล้าง่าย หายใจติดขัด  าวะความดันโลหิตสูง หรือฮอร์โมนปฏิบัติงานแตกต่างจากปกติหลายด้าน กระทั่งมีผลถึงการผลิตฮอร์โมนไปกระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง ทำให้โลหิตจาง ลักษณะการทำงานของเกล็ดเลือดแตกต่างจากปกติ เป็นต้นเหตุให้มีเลือดไหลง่าย เลือดออกไม่หยุด แล้วก็มีจ้ำเลือดขึ้นตามตัวได้ง่าย

โรคไตวายยังมีผลต่อระบบประสาท สมอง และกล้าม ที่จะเกิดอาการปลายประสาทเสื่อมกับผู้เจ็บป่วย ทำให้มือเท้าชา กล้ามกระตุก เมื่อยล้า เป็นตะคิว และยังมีผลให้ขาดสมาธิ ไม่สามารถที่จะคิดรวมทั้งจำได้เหมือนเคย ซึ่งถ้าเกิดไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างทันการ ผู้ป่วยก็อาจมีอาการชักสลบ ...หรือจนกระทั่งขั้นเสียชีวิต ไม่แตกต่างจากการมี “คนร้ายเงียบ” อยู่ในร่างกาย

นอกเหนือจากการพิจารณาความผิดปกติจากเยี่ยวแล้ว การวินิจฉัยโรคไตในขณะนี้ยังมีการปรับปรุง จนวิเคราะห์ได้ละเอียด ทราบได้เร็ว รวมทั้งช่วยทำให้การดูแลรักษาเกิดขึ้นอย่างทันการ เริ่มที่

กรรมวิธีตรวจฉี่ หากเยี่ยวจะมีโปรตีนไข่ขาวรวมทั้งเม็ดเลือดแดงผสมปนเปมา คือการแสดงถึง าวการณ์ที่ไม่ปกติของไต
วิธีการตรวจเลือด ซึ่งถ้าไตมี าวการณ์แตกต่างจากปกติ จะเจอปริมาณของไนโตรเจน กรดยูริก (Blood Nitrogen Urea: BUN) และก็ครีเอตำหนินิน (Creatinine: Cr) ที่เป็นของเสียจากกล้าม หลงเหลือในเลือดสูงยิ่งกว่าปกติ ต่อจากนั้นก็เลยนำเลือดที่ได้มาใช้สำหรับการประเมินค่าการทำงานของไต (Glomerular Filtration Rate: GFR) ถัดไป
แนวทางการตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) และก็การเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) ร่วมกับการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะรู้ได้ในทันทีถ้ากำเนิดความไม่ดีเหมือนปกติขึ้นที่ไต หรือระบบฟุตบาทปัสสาวะ
โรคไตแต่ละประเ ทย่อมมีลักษณะ รวมทั้งอาการบ่งบอกที่แตกต่างกันออกไป แต่กับโรคอย่างไตวายเรื้อรังนั้น ลักษณะของการเกิดอาการจะอยู่ในกรุ๊ปที่หลบซ่อนเร้น เบาๆกำเริบโดยไม่มีการแสดงอาการ ครั้งคราวแอบแฝงมาพร้อมกับโรคอื่น บางทีตรวจเจอได้โดยบังเอิญ วิธีการที่จะรู้เท่าทันถึงตัวโรคได้ มีเพียงแค่การหมั่นดูอาการ แล้วก็พบแพทย์ตรวจสุข าพเสมอๆทุกปี เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้โรคร้ายนี้กัดกินเนื้อไต ...กระทั่งสายเกินจะแก้

อ่านบทความอื่น