ผู้เขียน หัวข้อ: World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้  (อ่าน 377 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • *
  • กระทู้: 644
  • Popular Vote : 0


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนส่งคำสั่งขายเข้ามาในช่วงท้ายตลาด อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

-- ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงกว่า 20% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ตามเวลาไทย หลังบริษัทเปิดเผยจำนวนผู้ใช้บริการชะลอตัวลงในไตรมาส 4/2564

ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4 อยู่ที่ 1.33 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 82 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 7.71 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

-- ธนาคารกลางตุรกีประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 14% ในการประชุมเมื่อคืนวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่ทางธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกิดวิกฤตการณ์ค่าเงินลีรา และส่งผลให้เงินเฟ้อพุ่งแตะ 36% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 ปี

-- ธนาคารกลางรัสเซียเสนอให้มีการระงับการใช้สกุลเงินคริปโทและห้ามการทำเหมืองคริปโทในรัสเซีย โดยระบุถึงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน, อธิปไตยของนโยบายการเงิน รวมทั้งความเป็นอยู่ของประชาชน

-- สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ (AA) และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (UA) เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2564 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

-- Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 340,536,096 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 5,586,964 ราย

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเมื่อคืนวานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 286,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย และสูงกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 231,000 ราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 4.6% สู่ระดับ 6.18 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านลดลง 7.1% ในเดือนธ.ค.

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 8.5% เมื่อเทียบจากปี 2563 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2549

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 23.2 ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.5 จากระดับ 15.4 ในเดือนธ.ค.

-- สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ Conference Board จะรายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.ของสหรัฐ เวลา 22.00 น. ตามเวลาไทย