ผู้เขียน หัวข้อ: RS ยกระดับ Entertainmerce-ลุย M&A  (อ่าน 418 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
RS ยกระดับ Entertainmerce-ลุย M&A
« เมื่อ: มกราคม 26, 2022, 08:25:33 am »
RS เปิดกลยุทธ์ปี 65 ดันรายได้ 5.1 พันลบ.ยกระดับ Entertainmerce-ลุย M&A

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 65 ปักธงก้าวต่อ Popcoin ในฐานะ Infrastructure เพื่อยกระดับโมเดล Entertainmerce ให้แข็งแกร่งขึ้นในหลากหลายมิติ ทั้งการสร้าง Seamless Customer Experience และการมี Seamless Big Data พร้อมเผย 4 กลยุทธ์หลักสร้างการเติบโตที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อน และกุญแจสำคัญที่จะนำพาทุกธุรกิจในเครือพุ่งทะยานไปสู่เป้าหมาย 5.1 พันล้านบาทในปีนี้

นอกจากนี้ RS ยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ โฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายและแพลตฟอร์มของธุรกิจคอมเมิร์ซ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าและบริการ และส่งเสริมให้ Ecosystem ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญการทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย

นายสุรชัย กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในปี 65 จะมาจากธุรกิจ Commerce ราว 2,750 ล้านบาท และธุรกิจ Media & Entertainment ประมาณ 2,350 ล้านบาท โดยในส่วนนี้แบ่งเป็น ทีวี 1,400 ล้านบาท, POPCOIN 300 ล้านบาท, เพลง (Music) 325 ล้านบาท และ Events & คอนเสิร์ต 325 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ปีนี้จะอยู่ที่ 48-50% และอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) จะอยู่ที่ 12-14%

ในปี 65 บริษัทจะดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ LEAP โดย L คือ Lifestyle Wellbeing Solution, E คือ Entertainment Uplift, A คือ Asset Monetization และ P คือ Popcoin ซึ่งทั้ง 4 กลยุทธ์สำคัญ จะนำไปสนับสนุนการทำงานของธุรกิจในเครือ RS ให้เติบโตก้าวกระโดดไปอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

-L จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ ซึ่งประกอบไปด้วย อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม 4 เรื่องสำคัญ คือ การเป็น Your Wellbeing Partner คัดเลือกสินค้าและบริการที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน มีการแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้ากลุ่มบอดี้ 60% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม, สินค้ากลุ่มมายด์ 5% ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เช่น ไทยประกันชีวิต บุพพการีมีเงินใช้ (เพื่อเพื่อผู้สูงอายุ), ไทยพาณิชย์ โพรเทค ประกัน แคนเซอร์ พลัส และสินค้ามงคล เป็นต้น, กลุ่มโฮมแอนด์เพ็ท 20% และ กลุ่มโซเชียลแอนด์ทราเวล 15%

สินค้าที่ขายใน RS Mall ทั้งหมดมาจากบริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ RS ราวป 50% และพาร์ทเนอร์อีก 50% ใช้ Popcoin เป็นตัวเชื่อมในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ RS Mall ซึ่ง Popcoin จะมาเป็นเครื่องมือในการทำ GWP (Gift with Purchase) และช่วยเพิ่มยอดขายจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับสมาชิก RS Mall PLUS ขยายและสร้างความแข็งแกร่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ รวมถึงจัดทำ Loyalty Program ในชื่อ ?RS Mall PLUS? สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 8 แสนราย และคาดว่าภายในสิ้นปี 65 จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 1.2 ล้านราย

ในปีนี้ ไลฟ์สตาร์ ได้รีแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Innovative Wellness Product Company ที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ (Preventive Care) พร้อมไปกับการขับเคลื่อนให้ผู้คนมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้ผลิตภัณฑ์ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ well u (เวล ยู), Vitanature+ (ไวตาเนเจอร์พลัส), CAMU C (คามู ซี) Innovative Health & Wellness Drink และ Lifemate (ไลฟ์เมต)

ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ปีนี้เป็นสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและ CBD ที่จะทยอยออกมาในแต่ละแบรนด์ และนอกจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่าน RS Mall แล้ว ยังขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ช่องทางการขายที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า เช่น ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก Specialty Store ร้านขายยา และเพ็ทชอป รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซด้วย ที่สำคัญยังนำ Popcoin มาเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Engagement เพื่อให้แบรนด์ใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น

"บริษัทฯ วางเป้าหมายในการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชงปีนี้ แบ่งเป็น well u 1 SKU, CAMU C 3 SKU และ Lifemate 3-4 SKU ขณะเดียวกันการออกผลิตภัณฑ์ปกติภายใต้แบรนด์หลัก 4 แบรนด์ ดังกล่าว คาดจะออกได้ราว 30 SKU" นายสุรชัย กล่าว
E ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พร้อมรุกช่องทางออนไลน์และสร้างฐานแฟนคลับใหม่ๆ ด้วยการสร้างเพจและกลุ่มละครช่อง 8 ทั้งเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม, พัฒนาเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของช่องใหม่, ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ (อายุ 18-24), เพิ่มออริจินัลคอนเทนต์ และสร้างฐานผู้ชมกลุ่มใหม่ (อายุ 18-30), รายการข่าว ละคร และมวย ที่จะยกระดับเอาใจผู้ชมช่อง 8 มากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ผู้ชมช่อง 8 จะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก Popcoin ผ่านระบบเมมเบอร์ชิพ รวมไปถึง Exclusive คอนเทนต์ที่มีให้เฉพาะ Popster เท่านั้น ส่วนสปอนเซอร์ยังสามารถนำ Popcoin ไปทำกิจกรรมที่หลากหลายร่วมกับช่อง 8 เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น

COOLISM นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลจะขยายฐานผู้ฟังสู่ Young Generation ผ่านสมาร์ท สปีคเกอร์ และสมาร์ท ดีไวซ์ พร้อมมุ่งเน้นรักษาฐานผู้ฟังด้วยกิจกรรม อาทิ COOL Outing และ อิ๊งค์ Eat All Around ด้าน COOLive วางแผนจัด 3 คอนเสิร์ตใหญ่ ได้แก่ kemikaze Party 2022 ในช่วงเดือนมิ.ย., Dance Marathon 2022 ในช่วงเดือนต.ค. และปิดท้ายปีด้วย 21st Anniversary D2B Festival อีกทั้งยังเชื่อมโยงกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ ด้วยระบบ CRM ที่ทำร่วมกับ Popcoin ในปีนี้ และยังนำ Popcoin ไปสร้าง Engagement กับคนฟัง COOLfahrenheit

RS Music ทำคอนเทนต์ใหม่ๆ ขึ้นไปวางบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อออกซิงเกิ้ลใหม่ และยังสามารถฟังผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ รวมถึงการเพิ่มช่องทางรายได้จากการบริหารและดูแลศิลปินด้วยการผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ป้อนเข้าช่องทางออนไลน์ ทั้งช่อง RSfriends, Kamikaze และ RSiam และงานบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลง ที่ปีนี้จะเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่จากแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ TikTok และพันธมิตรใหม่ๆ

ส่วนบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จำกัด จากความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านคอนเทนต์ K-Pop ในปีนี้ จึงจัดทำรายการ Food Truck Battle ซีซั่น 2 และรายการ Men in Light Documentary ที่นำเสนอเรื่องราวของศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก นอกจากคอนเทนต์ฝั่ง K-Pop แล้ว โฟร์ท แอปเปิ้ล จะมีการผลิตคอนเทนต์และร่วมจัดอีเวนท์ระดับโลกตามมาอีกมากมายในอนาคต

A หรือ Asset Monetization การเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่จาก Asset ในองค์กร ได้แก่ RS Music การเข้าสู่ตลาด NFT ภายใต้ความแปลกใหม่ที่แฟนคลับ RS Music ต้องติดตาม และจากฐานผู้ชมผู้ฟังเพลงรวมกว่า 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานผ่านทุกช่องทางออนไลน์ RS Music จะสร้างออนไลน์คอนเทนต์รูปแบบใหม่ใน youtube โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ช่อง RSiam ได้แก่ รายการอาร์สยามขายเก่ง, รายการคลินิกเงินกรู๊วววว, รายการ R Siam ขาเลาะ และรายการ อิหยังวะ
ช่อง RS friends ได้แก่ รายการโตมากับเฮีย, รายการติดสัตว์ และรายการเดอะแบก ช่อง Kamikaze ได้แก่ รายการวัยรุ่นเงินล้าน, รายการหาทำ, รายการร้อนงาน และรายการหิวไก่ รวมถึงการสร้างออนไลน์คอนเทนต์ร่วมกับช่องทางศิลปิน เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม กับ รายการ MISSION เฮ็ดสิเบิ้ล และรายการน่ารักสัตว์สัตว์

บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จากที่ RS ได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 35% นั้น ขณะนี้ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจ ทั้งในแง่การ Synergy เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจร่วมกัน และเตรียมเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยจะยื่น Filing ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4/65

P หรือ Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม เทคโนโลยีบล็อกเชนที่จะเข้ามาเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจให้แก่ RS รวมไปถึงพาร์ทเนอร์ ล่าสุด มีผู้ลงทะเบียนเป็น Popster จากแคมเปญ Popcoin Airdrop แล้วกว่า 7 แสนราย ซึ่งในปีนี้เหล่า Popster จะเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ที่พิเศษสุดๆ ที่สำคัญ Popcoin ยังเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดในเครือ RS เพื่อนำไปส่งเสริมการขาย เป็นช่องทางหารายได้ใหม่ๆ และสร้าง Engagement กับลูกค้าของแต่ละแบรนด์ได้เช่นกัน โดยคาดว่า Popcoin จะสามารถเข้าทำการซื้อขายบนกระดาน BITKUB ได้ภายในเดือนม.ค.นี้
นายสุรชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงมองหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ โดยวางงบลงทุน M&A ไว้ดีลละประมาณ 500-1,000 ล้านบาท โฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อขยายช่องทางการขายและแพลตฟอร์มของธุรกิจคอมเมิร์ซ รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้าและบริการ และส่งเสริมให้ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่สำคัญ การทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย

"ในปีนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่จะหันมาโฟกัสที่ดิจิทัลโปรดักส์ ดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลเซอร์วิสเพิ่มขึ้น โดยผ่านการทำงานของ Popcoin เพื่อยกระดับให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ โดยลูกค้ากลุ่ม Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ตอนต้นนั้นยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก แต่เราจะใช้ Popcoin มาเชื่อมให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับ Benefits ที่เพิ่มขึ้น และใกล้ชิดกับเรามากขึ้น

ส่วนลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่าง Gen Y ตอนปลาย Gen Z และ Alpha ซึ่งชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และ Adopt เทคโนโลยีได้รวดเร็ว เราจะนำ Popcoin มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้พวกเขารู้จักอาร์เอส กรุ๊ป มากขึ้น เข้าถึงเราได้ง่ายกว่าที่เคย และได้รับความสุขที่พิเศษกว่าใครจากการมาเป็น Popster และอยู่ใน Popcoin Community" นายสุรชัย กล่าว

พร้อมกันนี้ RS ยังกำหนด 4 กลยุทธ์สำคัญที่เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในระยะยาว ได้แก่

1. การสร้างดิจิทัล อีโคโนมี บนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์ ทั้งในแง่ของ E-Commerce และ ออนไลน์คอนเทนต์ชูดิจิทัลคอนเทนต์และนำ Asset ของอาร์เอสมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทราสฟอร์ม Physical Asset ของอาร์เอสที่มีอยู่ ให้กลายเป็น Digital Asset เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ ใช้ Popcoin เป็นเครื่องมือสำคัญในการแปลง Asset ของอาร์เอสให้เป็นโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชน

2. เป็นองค์กรแห่งข้อมูล นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจและนำมาต่อยอดเพื่อสร้าง Business Direction ที่ชัดเจน ภายใต้ Vision และ Mission ขององค์กร การนำข้อมูลของแต่ละธุรกิจมาประสานและใช้ร่วมกัน เพื่อหารายได้เพิ่มจากโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ

3. ยกระดับบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ของอาร์เอสให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้า Mass Market สร้างแบรนด์สินค้าในเครือให้เป็นที่รู้จัก เพื่อขยายฐานลูกค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตั้งต้นจากนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง และเป็น First mover ในตลาดสินค้าประเภทนั้นๆ อยู่เสมอ

4. เพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัท ผ่านการ Synergy และจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในหลากหลายวงการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ผ่านการจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ด้วยการทำ M&A และการทำ JV ใช้ศักยภาพจากทุกธุรกิจในเครือเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำไปสู่การสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของอาร์เอสตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และได้รับผลตอบแทนการลงทุนจากการ IPO ของบริษัทที่ RS เข้าไปร่วมลงทุน