STECH
ประกาศข่าวดีรับปีเสือ คว้างานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี มูลค่า 68 ลบ. แย้มจ่อรอประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง หนุนรายได้ปี 65 โต 20-30%
"สยามเทคนิคคอนกรีต" หรือ STECH ประกาศข่าวดีรับศักราชใหม่ปีเสือ ชนะการเสนอราคางานจ้างก่อสร้างจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมมูลค่า 68 ล้านบาท เรียกได้ว่าส่งสัญญาณบวกตั้งแต่ต้นปี แย้มภาพรวมปีนี้อุตสาหกรรมก่อสร้างเร่งเดินหน้าบิ๊กโปรเจกต์จ่อเปิดประมูลงานอีกเพียบ ดันรายได้ทั้งปีคาดเติบโต 20- 30% ขณะที่ปัจจุบันตุน Backlog แน่นกว่า 1,200 ล้านบาท
นายเจษฎ์กรณ์ มงคลศรีสวัสดิ กรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท สยามเทคนิคคอนกรีตจำกัด (มหาชน) หรือ STECH เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ชนะการเสนอราคา งานจ้างก่อสร้างจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าแรงสูงสวรรคโลก (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) - ทางหลวงหมายเลข 101 กิโลเมตรที่ 102+052 จังหวัดสุโขทัย ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 2 กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยได้ใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทฯ ทั้งเสาไฟฟ้าและอุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่นฐานราก ซอง คอนสปัน มูลค่าสัญญาทั้งสิ้น 68 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
"ภาพรวมธุรกิจช่วงต้นปีนี้ เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภาครัฐบาลและเอกชนเริ่มมีงานประมูลออกมาทำให้มองว่างานส่วนใหญ่ที่ถูกชะลอจากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ผ่านมา จะเริ่มกลับมาเดินหน้าประมูลงานใหม่และส่งมอบได้ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราก็คว้างานใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต ส่งผลให้ปัจจุบัน เรามีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่กว่า 1,200 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด และ STECH ยังอยู่ระหว่างติดตามการประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น งานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และงานเสาเข็มสปัน โครงการรถไฟไทยจีน เป็นต้น สะท้อนโอกาสในการเข้ารับงานเพิ่มเติม เสริมฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ในส่วนของงานก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี สถานีไฟฟ้าสกลนคร 2 จังหวัดสกลนคร - สถานีไฟฟ้าศรีสงคราม จังหวัดนครพนม มูลค่า 104 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้รับงาน และลงนามสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการดำเนินงานตามแผนงาน และได้ทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป" นายเจษฎ์กรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี คอนกรีตอัดแรงถือเป็นรากฐานสำคัญอันดับต้นๆ ในงานก่อสร้าง บริษัทฯ จึงเชื่อว่าจะได้อานิสงส์ในงานเมกะโปรเจกต์ที่ภาครัฐเริ่มทยอยออกมาเพิ่มขึ้นในปีนี้ จากจุดเด่นของบริษัทฯ ในความเชี่ยวชาญ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งบริษัทฯ มีโรงงาน 9 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับงานใหม่ๆ โดยเฉพาะโรงงานแห่งที่ 10 ที่จังหวัดชลบุรี สาขาที่ 2 ที่คาดว่าจะเริ่มผลิตภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งจะเป็นอีกกำลังเสริมทัพการเข้ารับงานในโซนภาคตะวันออก รวมถึงโปรเจกต์ EEC สนับสนุนโอกาสในปี 2565 โดยตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตในระดับ 20-30% จากปีก่อน