ผู้เขียน หัวข้อ: ซีบีอาร์อีเผยเทรนด์น่าจับตาตลาดอสังหาฯ ปี 2565  (อ่าน 377 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0

จากการที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อเศรษฐกิจของไทย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ได้เผยแนวโน้มสำคัญและปัจจัยเสี่ยงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ธุรกิจต่าง ๆ ควรจับตามองในปี 2565 ทั้งในตลาดที่พักอาศัย ตลาดพื้นที่สำนักงาน ตลาดพื้นที่ค้าปลีก ตลาดพื้นที่อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ รวมถึงตลาดโรงแรม

นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ให้ความเห็นว่า "ปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวและเคลื่อนไหวในเชิงรุกมากขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ลูกค้ามีการคัดเลือกอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้นรวมถึงมีความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นด้วย ในขณะที่นักลงทุนและผู้พัฒนาโครงการจะต้องเผชิญความท้าทายในการนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมเข้ามาสู่ตลาดที่มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายจะต้องรับรู้ถึงแนวโน้มใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อปรับกลยุทธ์และการดำเนินการให้เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง"

นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2565 อยู่ที่ 3.4% เพิ่มขึ้นจาก 0.9% จากปี 2564 โดยจะขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าและผลการดำเนินงานของภาคการส่งออกเป็นหลัก นโยบายและมาตรการของรัฐบาลต่อสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงสองไตรมาสแรกของปี 2565 จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพราะเข้าสู่ปีที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแพร่กระจายแล้ว และเนื่องจากปัจจุบันยังเป็นช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน จึงมีความเสี่ยงที่สำคัญหลายประการที่น่าจับตามองในปีนี้"

ความเสี่ยงของการเกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และการตอบสนองของวัคซีนต่อเชื้อไวรัสจะส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นของตลาด การรับมือในระดับรัฐบาลและปฏิกิริยาของผู้คนต่อสถานการณ์จะเป็นเรื่องที่สำคัญ การตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายด้านการเงิน มาตรการกระตุ้น ข้อบังคับ รวมถึงการตัดสินใจที่สำคัญอื่น ๆ จะเป็นตัวกำหนดความเคลื่อนไหวของตลาด จากการที่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ รวมถึงการหยุดชะงักของธุรกิจอื่น ๆ ในช่วงสองปีที่มีโควิด-19 ประกอบกับความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า ทำให้รายได้สุทธิของประชากรในประเทศเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างที่ไม่เคยมาก่อน รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดแต่ละภาคธุรกิจจะเกิดขึ้นไม่เท่ากันและจะปรับตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป