ผู้เขียน หัวข้อ: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 27, 2022  (อ่าน 356 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 27, 2022

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (26 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,168.09 จุด ลดลง 129.64 จุด หรือ -0.38%

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทยว่า "ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากการพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อ"

นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า ดัชนีต่าง ๆ ที่เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นอีก ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะยังคงอยู่ในภาวะขาขึ้น

-- คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่ยังไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 1 ลูกลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 6 ในเดือนนี้

ทั้งนี้ JCS ยืนยันว่าได้ตรวจพบการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ แต่ยังไม่ได้ระบุชนิดของขีปนาวุธและรายละเอียดอื่น ๆ ในขณะนี้

-- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 11.9% สู่ระดับ 811,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 760,000 ยูนิต

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 14.0% ในเดือนธ.ค.

-- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นทะลุ 90 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน

ณ เวลา 00.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 2.61% สู่ระดับ 87.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 872,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

-- ธนาคารกลางแคนาดาประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจแคนาดาจะมีการขยายตัว 4% ในปีนี้ และ 3.5% ในปีหน้า ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 5% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่จะชะลอตัวสู่ 2% ในช่วงปลายปี

-- ทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์เตือนเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ว่า รัสเซียจะทำการตอบโต้อย่างรวดเร็ว หากสหรัฐและพันธมิตรปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัสเซีย และยังคงดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าว

ทั้งนี้ รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตสำหรับเดือนมี.ค.

แหล่งข่าวระบุว่า โอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. แม้ว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่านี้ เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

-- นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยืนยันอีกครั้งเมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) ว่า เขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง แม้มีหลายฝ่ายเรียกร้องให้เขาลาออก ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการที่รัฐบาลจัดงานเลี้ยงสังสรรค์หลายครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในบ้านพักนายกรัฐมนตรี ขณะที่อังกฤษมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายจอห์นสันกล่าวยืนยันท่าทีดังกล่าวที่รัฐสภาอังกฤษเมื่อวานนี้ หลังนายไคเออร์ สตาร์เมอร์ ผู้นำพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ซักถามนายจอห์นสันว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งหรือไม่

-- อินเทล คอร์ป บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ประสบชัยชนะครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ (26 ม.ค.) หลังจากต่อสู้ยาวนานถึง 12 ปี โดยศาลยุโรปประกาศให้คำตัดสินของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ที่สั่งปรับอินเทลก่อนหน้านี้ถือเป็นโมฆะ

ทั้งนี้ General Court ซึ่งเป็นศาลสูงอันดับ 2 ของยุโรป มีคำวินิจฉัยเมื่อวานนี้ว่า "รายงานการวิเคราะห์ของ EC ยังไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถพิสูจน์ตามมาตรฐานทางกฎหมายว่าการให้ส่วนลดของอินเทลเป็นการขัดขวางการแข่งขันในตลาด"

-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ เกาหลีใต้มีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนม.ค., จีนจะเปิดเผยกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., เยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากสถาบัน Gfk, สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 (ประมาณการเบื้องต้น) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค.