โออาร์ จับมือพันธมิตร ผลิตยางกั้นล้อสำหรับที่จอดรถใน พีทีที สเตชั่น สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยางไทย
สร้างมูลค่าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท
นายพีระวัฒน์ วชิโรภาสนันท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดค้าปลีกน้ำมัน และ นายภาณุพันธ์ ทรัพย์จรัสแสง ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมสถานีบริการ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) พร้อมด้วย นายสุพจน์ สุวรรณพิมลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.เค.โพลีเมอร์ จำกัด (SKP) นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นายวิสูตร สุชาฎา ประธานสหกรณ์กองทุนสวนยางโสตประชา และนางสาววนิดา อุทัยสมนภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พาณิชยกิจและการตลาด บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวโครงการเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย ส่งเสริมเกษตรกรไทยในการแปรรูปยางพารา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ยางพารา และพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยอย่างยั่งยืน โดยการนำวัตถุดิบยางพาราจากสหกรณ์มาผลิตเป็น ยางกั้นล้อ (RUBBER WHEEL STOPPER) สำหรับที่จอดรถภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น โดยนำร่องติดตั้งที่สาขาสุขสวัสดิ์เป็นแห่งแรก
โครงการความร่วมมือในครั้งนี้ มุ่งหวังเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรไทยในการแปรรูปยางพาราเป็นสินค้า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา นอกเหนือจากการส่งขายเป็นวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว โดยเริ่มต้นจากนำมาขึ้นรูปเป็นยางกั้นล้อ (RUBBER WHEEL STOPPER) สำหรับที่จอดรถภายในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ซึ่งมีความทนทาน สวยงาม และปลอดภัยกว่าแท่งปูน อีกทั้งยังลดอันตรายจากการบาดเจ็บจากการเดินสะดุด โดย โออาร์ ได้ร่วมกับ บริษัท เอส. เค. โพลีเมอร์ จำกัด ผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยาง ออกแบบยางกั้นล้อดีไซน์พิเศษสำหรับ พีทีที สเตชั่น และผลิตตัวสินค้า และได้รับการสนับสนุนจาก 3 องค์กร ได้แก่ การยางแห่งประเทศไทย ที่มีพันธกิจหลักในการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่ายางพาราไทย ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพารา สหกรณ์โสตประชา สหกรณ์นำร่องที่ได้รับเลือกเป็นผู้ขึ้นรูปชิ้นส่วนยางและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจาก SKP และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนวัตถุดิบจากพลาสติกซึ่งเป็นชิ้นส่วนประกอบของยางกั้นล้อ โดยมีมูลค่าโครงการเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปีแรก และเตรียมขยายผลไปยังสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ทั่วประเทศ
โออาร์ พร้อมร่วมเติมเต็มโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับทุกชีวิต โดยดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการใช้ศักยภาพที่มี เพื่อสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ผู้ประกอบการ รวมถึงชุมชน ให้มีโอกาสที่จะเติบโตสู่ความสำเร็จ มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้งยังมุ่งผลักดันให้แบรนด์ พีทีที สเตชั่น ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางที่จะร่วมเติมเต็มทุกความสุขและเติบโตไปพร้อมกับทุกชุมชน (Living Community) โดยพัฒนาและออกแบบองค์ประกอบที่อยู่ใน พีทีที สเตชั่น ให้สามารถตอบโจทย์และครอบคลุมการเติมเต็มความสุขให้ครบทุกความต้องการของคนไทย