ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.24 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่า  (อ่าน 211 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.24 อ่อนค่าตามภูมิภาคหลังดอลลาร์แข็งค่า คาดกรอบพรุ่งนี้ 33.10-33.30

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 33.24 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 33.15 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทอ่อนค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค จากผลของดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยวันนี้เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.06-33.28 บาท/ดอลลาร์ และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากการย่อยข่าวผล ประชุมเฟดเมื่อคืน

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ตลาดติดตาม คือ การรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ และตัวเลข GDP ไตรมาส 4/64 ของสหรัฐ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10 - 33.30 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 115.04 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 114.57 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1232 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,634.17 จุด ลดลง 9.27 จุด (-0.56%) มูลค่าการซื้อขาย 93,867 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 719.04 ลบ.(SET+MAI)
นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับ
หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกระทรวงการคลัง (กค.) ห้ามนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและ
บริการ (Means of Payment) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ มองว่าวัตถุ
ประสงค์หลักในเรื่องดังกล่าว มุ่งตรงมาที่การห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ส่วนบริษัท
ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้วิธีการขอความร่วมมือเท่านั้น
ธปท. ออกประกาศเรื่องมาตรการส่งเสริมการจัดตั้งกิจการร่วมทุน เพื่อแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (JVAMC) ซึ่งเป็น
การส่งเสริมให้ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์สามารถร่วมลงทุนในกิจการร่วมทุน (Joint Venture) ได้ โดยเพิ่มความ
ยืดหยุ่นให้กับสถาบันการเงิน เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่อาจทยอยเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดตรุษจีนปี 2565 มีเงินสะพัด 39,627.79 ล้านบาท อยู่
ในระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีนับตั้งแต่ปี 2555 ลดลง 11.82% จากปีก่อน และปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีปัจจัยกดดันสำคัญจาก
ปัญหาราคาสินค้าแพง
ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ระบุถึงความร่วมมือระหว่างไทยกับซาอุดิอาระเบีย
ว่า อาจเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนของประเทศไทยในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และช่วยทำให้การค้าของประเทศกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยหอ
การค้าไทย ได้หารือกับภาคเอกชนของทางซาอุฯ นอกรอบมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อเตรียมการส่งเสริมการค้า การลงทุน รวมถึงการ
ท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งคาดว่าจะมีการเซ็น MOU ความร่วมมือกันต่อภายในครึ่งปีแรก
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า ตลาดการเงินจะผันผวนมากขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่
รัฐบาลทั่วโลกพยายามเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจฟื้นตัว การที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ หันมาใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินและควบ
คุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นนั้น อาจส่งผลให้ราคาหุ้นซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์เสี่ยงทรุดตัวลงอย่างหนัก
สมาคมทองคำจีน เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้ทองคำในประเทศปี 2564 เพิ่มขึ้น 36.53% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่
1,120.9 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 3 จากปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ซิโนเปก (Sinopec) ผู้กลั่นน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซแห่งใหม่ ซึ่งมีปริมาณสำรอง
ประมาณ 100 ล้านตัน ในแอ่งทาริม เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดหาน้ำมัน
คอนเดนเสท (condensate oil) ปริมาณ 88 ล้านตัน และก๊าซธรรมชาติ 2.9 แสนล้านลูกบาศก์เมตร
นักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.
ตามมาด้วยการปรับขึ้นอีก 0.25% จำนวน 3 ครั้งติดต่อกัน ในเดือนพ.ค., มิ.ย. และก.ค.