SAVVYGOLD
ขยายตลาดกลุ่มมนุษย์เงินเดือนผ่านฐานลูกค้า HUMAN วางเป้าเปิด 2-3 บัญชีปีนี้
น.สพ.ธนัฐ ศิริวรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิทัล แอสเซ็ท แมเนจเมนต์ จำกัด (DAM) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าทำการตลาดเพื่อขยายบริการออมทองคำผ่านแอปพลิเคชัน "SAVVY" แพลตฟอร์มในการบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าส่วนบุคคลผ่านออนไลน์ซึ่งมีสินค้าตัวแรก คือ ทองคำ (SAVVYGOLD) หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือน พ.ย.64 ที่ผ่านมา และมีผู้เปิดบัญชีแล้วกว่า 1,500 ราย เนื่องจากในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีผู้เข้ามาเปิดบัญชีมากกว่า 20,000-30,000 ราย
แผนธุรกิจหลังจากนี้จะเดินหน้าทำการตลาด ผ่านช่องทาง Social Media ต่างๆ รวมถึงหาพันธมิตรที่เป็น Fintech ให้เข้ามาร่วมใช้แพลตฟอร์มออมทอง SAVVYGOLD โดยมีเป้าหมายที่มนุษย์เงินเดือน พนักงานบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อ บมจ.ฮิวแมนิกา (HUMAN) ผู้ให้บริการ Platform ระบบบริหารงานทรัพยากรบุคคลเข้ามาถือหุ้นใน DAM ปัจจุบันมีพนักงานที่อยู่ใน Platform ระบบบริหารจัดการของ HUMAN มากถึง 2-3 ล้านคน ทำให้เห็นถึงโอกาสในการร่วมมือและต่อยอดธุรกิจ โดยนำเสนอ SAVVYGOLD ให้พนักงานในบริษัทต่างๆ เหล่านี้ได้ใช้บริการออมทอง
"เราต้องการให้คนไทยมีเงินออมมากขึ้น ผ่านการออมทองคำ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งได้ SAVVYGOLD มาช่วยก็จะทำให้การออมทองทำได้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางไปซื้อทองที่ร้าน ที่สำคัญเริ่มต้นออมทองได้เพียงมีเงินแค่ 50 บาทเท่านั้น ทำให้เห็นว่าแม้มีเงินน้อยก็สามารถค่อยๆ สะสมความมั่งคั่ง ในระยะยาวได้"น.สพ.ธณัฐ กล่าว
ด้านนางสาวณัฐฑี จุฑาวรากุล กรรมการและผู้บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนทองคำช่วยป้องกันผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจหดตัว จึงเชื่อว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ และปีนี้มีโอกาสที่ทองคำจะปรับเพิ่มสูงขึ้นแตะ 1,970 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1,755 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
นอกจากนี้มองว่าทองคำจะได้รับปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครนและรัสเซีย รวมไปถึงความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐที่จะสร้างความไม่แน่นอนให้เกิดขึ้นกับตลาดตลอดทั้งปีนี้ แม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากแรงกดดันของสหรัฐที่จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงิน
ขณะที่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ แนะนำลงทุนควรมีทองคำอยู่ในพอร์ตการลงทุนด้วย จะทำให้มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี และช่วยกระจายความเสี่ยงได้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีทิศทางการเคลื่อนไหวไปคนละทางกับสินทรัพย์หลักๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ และ Cryptocurrency หรือสินทรัพย์อื่นๆ นอกจากนี้ ราคาทองคำในระยะยาวยังสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ รวมถึงในยามที่เกิดวิกฤติทองคำก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่วางใจได้มากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดโควิด -19 การเร่งตัวของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก การกระจายสินทรัพย์เพื่อลงทุน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารสินทรัพย์ เพื่อคงการรักษาผลตอบแทน จะเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดสำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ โดย บล.ทรีนีตี้ แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำเป็น 5% เพื่อกระจายความเสี่ยง