หุ้นรัสเซีย,ค่าเงินรูเบิลพุ่ง ขานรับเครมลินเปิดกว้างเจรจาสหรัฐแก้ไขวิกฤตยูเครน
ตลาดหุ้นรัสเซียและค่าเงินรูเบิลพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับท่าทีของทางการรัสเซียที่ยังคงเปิดกว้างต่อการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับยูเครน
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้น MOEX ของรัสเซียพุ่งขึ้นเกือบ 3% ในวันนี้ ขณะที่รูเบิลแข็งค่า 1.7% เทียบดอลลาร์
ทำเนียบเครมลินแถลงในวันนี้ว่า รัสเซียและสหรัฐยังคงมีช่องทางในการเจรจาต่อไป แม้ว่าข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนองจากทางสหรัฐ
รัสเซียยื่นข้อเรียกร้องต่อสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อให้มีการรับประกันว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะไม่รับยูเครนและประเทศซึ่งเคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรจะต้องถอนกำลังทหารออกจากกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
"เมื่อพิจารณาจากหนังสือตอบกลับจากทางสหรัฐ เราไม่สามารถกล่าวได้ว่าความวิตกกังวลของเราได้รับการตอบสนอง" นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าว
อย่างไรก็ดี นายเพสคอฟกล่าวว่า รัสเซียจะยังไม่เร่งด่วนทำการสรุปใดๆ หลังจากได้รับคำตอบจากทางสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยรัสเซียจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการพิจารณาท่าทีตอบโต้สหรัฐ
นายเพสคอฟระบุว่า เป็นประโยชน์สำหรับรัสเซียและสหรัฐที่จะทำการเจรจาต่อไป ถึงแม้ว่าคำตอบจากทางสหรัฐและนาโตเป็นสิ่งที่รัสเซียยอมรับไม่ได้ และทำให้ความหวังริบหรี่ลงก็ตาม
ทางด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะเป็นผู้ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการขั้นต่อไปของรัสเซีย
นอกจากนี้ ทางการรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข่าว หลังมีรายงานว่ารัสเซียอาจส่งกำลังทหารเข้าประจำการในคิวบาและเวเนซุเอลาเพื่อตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐและชาติตะวันตกไม่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซีย
"ขณะนี้คิวบาและเวเนซุเอลากำลังเปิดตัวต่อประชาคมโลกมากยิ่งขึ้น และพัฒนาความสัมพันธ์สู่ระดับปกติกับทางสหรัฐ ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่รัสเซียจะเข้าไปจัดตั้งฐานทัพแบบที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่เป็นสหภาพโซเวียต" นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซียกล่าว
ก่อนหน้านี้ สื่อรายงานว่า รัสเซียระบุว่าจะไม่ตัดทางเลือกในการเพิ่มกำลังทหารและยุทโธปกรณ์เข้าไปในคิวบาและเวเนซุเอลา หากข้อเรียกร้องของรัสเซียไม่ได้รับการตอบสนอง
หากรัสเซียเพิ่มกำลังทหารเข้าไปในคิวบาและเวเนซุเอลา ก็จะถือว่ารัสเซียมีกำลังทหารเข้าใกล้พรมแดนสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในสมัยของจอห์น เอฟ เคนเนดี อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และนิกิตา ครุสชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต ในปี 2505 ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการเผชิญหน้าทางทหารจนเกือบลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์