ภาวะ
ตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า รับข้อมูลศก.สดใส-เฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.) โดยดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2564
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.87% แตะที่ 97.2460 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.31 เยน จากระดับ 114.51 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9312 ฟรังก์ จากระดับ 0.9237 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2734 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2657 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1146 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1253 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3381 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3460 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7034 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7118 ดอลลาร์สหรัฐ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวภายหลังการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันพุธว่า "ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเฟดไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ว่าอาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เมื่อพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมากในขณะนี้"
นักวิเคราะห์มองว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าและรุนแรงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐขยายตัว 6.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.5% โดยเศรษฐกิจสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการที่ภาคธุรกิจเพิ่มเติมสต็อกสินค้าคงคลัง ส่วนตลอดทั้งปี 2564 ตัวเลข GDP สหรัฐขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 30,000 ราย สู่ระดับ 260,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 270,000 ราย