ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์รีบาวด์เกือบ 200 จุด หลังดิ่งลงในการซื้อขายช่วงแรก  (อ่าน 392 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0


ณ เวลา 00.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,357.68 จุด บวก 196.90 จุด หรือ 0.58%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุดในช่วงแรก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 4.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2526 หลังจากเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.5% เช่นกันในเดือนพ.ย.

ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525 หลังจากดีดตัวขึ้น 5.7% ในเดือนพ.ย.

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 0.6% ในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 33% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 5 ครั้งในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 22%

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 1.50% ในเดือนธ.ค. จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25%

นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังคงสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกมาก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน