กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมี
มุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.10-33.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.93-33.37 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงกรอบเป้าหมายดอกเบี้ย Fed funds ไว้ที่ 0-0.25% แต่ระบุว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม และเดินหน้าดำเนินตามแผนที่จะยุติโครงการ QE ในช่วงต้นเดือนมีนาคม
ขณะที่ Sentiment ตลาดกลับทิศเมื่อประธานเฟดเน้นย้ำว่าปีนี้เป็นช่วงเวลาที่มาตรการกระตุ้นทางการเงินไม่จำเป็นอีกต่อไป โดยเฟดเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะไม่กระทบต่อการจ้างงาน อีกทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในเวลานี้เงินเฟ้อสูงกว่าและการว่างงานต่ำกว่าเมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่เฟดเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยในวัฏจักรล่าสุด ยิ่งไปกว่านั้นประธานเฟดไม่ตัดโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าว ท่าทีดังกล่าวหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบอนด์ยิลด์ระยะ 2 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 4,378 ล้านบาท และ 9,477 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ฯ มองว่า ตลาดการเงินโลกจะจับตาประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มคงนโยบายตามเดิม นอกจากนี้นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการจากสหรัฐฯ เช่น ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการจ้างงานเดือนมกราคม ทั้งนี้ สัญญาล่วงหน้าดอกเบี้ย Fed funds สะท้อนการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยราว 5 ครั้งในปีนี้ และอาจปรับขึ้น 50bps ในการประชุมเดือนมีนาคม ขณะที่เฟดยังไม่แสดงท่าทีกังวลต่อแรงขายในตลาดหุ้นและพันธบัตรในช่วงนี้ เนื่องจากเฟดมุ่งดูแลอัตราเงินเฟ้อเป็นสำคัญและมองว่าแม้ราคาหุ้นที่ดิ่งลงอาจส่งผลให้ภาวะการเงินตึงตัวบ้างแต่ยังอยู่ในภาวะที่รับได้ อนึ่ง ในภาวะเช่นนี้กรุงศรีคาดว่าในภาพใหญ่เงินดอลลาร์จะยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์นโยบายเฟดเป็นสำคัญ ส่วนตลาดหลายแห่งในภูมิภาคหยุดเนื่องในเทศกาลตรุษจีนอาจทำให้ปริมาณธุรกรรมเบาบางลงในสัปดาห์นี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงการคลังประเมินอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 4.0% จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 7 ล้านคน