ผู้เขียน หัวข้อ: HPT วางเป้าปี 65 รายได้โตกว่า 20% อัตรากำไรสุทธิ  (อ่าน 405 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
HPT วางเป้าปี 65 รายได้โตกว่า 20% อัตรากำไรสุทธิ 8-10% แตกไลน์สินค้าใหม่

นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บมจ.โฮม พอตเทอรี่ (HPT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้กิจการโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ เตรียมความพร้อมในการที่จะกลับมาเปิดให้บริการ จึงมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

บริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Backlog) ณ สิ้นเดือน ม.ค.65 ที่ 127 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถส่งมอบได้ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/65 จากลูกค้าหลักในกลุ่มทวีปยุโรป และสหรัฐ ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้ร่วมกับพันธมิตรพัฒนาสินค้ากลุ่มสโตนแวร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก คาดว่าปี 65 จะสามารถรับรู้รายได้จากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ยังได้เริ่มพัฒนาสินค้าของตกแต่งบ้านเซรามิก จากเดิมที่บริษัทมีสินค้าเพียงในกลุ่ม จาน ชาม ซึ่งเป็นเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งสินค้าดังกล่าว เป็นการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และฐานลูกค้าใหม่ในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 40 ล้านบาท แบ่งเป็น 20 ล้านบาทใช้ในการขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังผลิตจากเดิมราว 30-40% ซึ่งปัจจุบันขยายกำลังผลิตไลน์ขึ้นรูปเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะดำเนินการขยายเตาเผาเพิ่มเติม ส่วนอีก 20 ล้านบาทใช้สำหรับทำการตลาด และพัฒนาผลิตภัณฑ์

พร้อมกันนี้ยังใช้งบลงทุนอีกราว 8.9 ล้านบาทติดตั้งโซลาร์รูฟขนาด 400 กิโลวัตต์ ซึ่งจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.65 เชื่อว่าจะช่วยลดค่าไฟฟ้าให้บริษัทได้ราว 40%

นางสาวนิจวรรณ กล่าวอีกว่า ทิศทางอัตรากำไรสุทธิในปี 65 นี้ จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็น 8-10% หลังจากต้นทุนต่อหน่วยปรับตัวลดลงตามคำสั่งซื้อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ช่วยหนุนให้การใช้กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังได้ลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟที่ข่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้เพิ่มเติมด้วย

"ในปีนี้ทิศทางอัตรากำไรสุทธิจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการที่เรามีคำสั่งซื้อมากขึ้น และทำให้การใช้กำลังการผลิตสูงขึ้น ช่วยให้ต้นทุนต่อหน่วยปรับตัวลดลง ในขณะเดียวกันยังประหยัดค่าพลังงานจากการลงทุนโซลาร์รูฟ รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีต้นทุนลดลงมากกว่า 50% แต่สามารถขายในราคาเดิมได้ ซึ่งจะเป็นปีที่ดีของเราทั้งในแง่ของรายได้ และ กำไร"นางสาวนิจวรรณ กล่าว