บมจ.เจตาแบค (GTB) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท
ได้ตกลงรับจ้างดำเนินการก่อสร้างในงานโครงการโรงไฟฟ้าโครงการหนึ่งเมื่อเดือน มี.ค.62 ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.64 ผู้ว่าจ้าง ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญามายังบริษัท และให้มีผลภายหลัง 14 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับหนังสือ โดยอ้างเหตุว่าบริษัทได้กระทำผิดสัญญาเนื่องจากเหตุปฎิบัติงานตามสัญญาล่าช้าและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งวิศวกรที่ปรึกษา ในระยะเวลาใกล้เคียงกันนั้นผู้ว่าจ้างได้เรียกร้องต่อธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อขอบังคับเอาแก่หนังสือค้ำประกันของธนาคาร(จำนวน 47.5 ล้านบาท ) อันเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทได้วางไว้
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.64 บริษัทได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่งคราวหนังสือค้ำประกันธนาคารฉบับดังกล่าวต่อศาลแพ่งพระโขนง ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้คุ้มครองชั่วคราวและห้ามมิให้ผู้ว่าจ้างฯ ใช้สิทธิเรียกให้ชำระเงินจากหนังสือค้ำประกันดังกล่าวชั่วคราวจนกว่าอนุญาโตตุลาการจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยมีเงื่อนไขให้บริษัทต้องวางเงินประกันความเสียหายต่อศาลจ นวน 2 ล้านบาท และบริษัทจะต้องด เนินการทางอนุญาโตตุลาการภายใน 30 วนั มิฉะนั้นให้ถือว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวสิ้นผลไป
บริษัทชี้แจงว่าไม่เห็นพ้องด้วยกับการดำเนินการของผู้ว่าจ้างและเห็นว่าบริษัทมิใช่ฝ่ายผิดสัญญา ทั้งยังมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างส่วนที่คงเหลือตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 28 ม.ค.65 บริษัทจึงได้เสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ (หอการค้านานาชาติ (ICC )) เพื่อวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท โดยบริษัทในฐานะผู้เรียกร้องมีข้อเรียกร้องให้ผู้ว่าจ้างชำระค่าจ้างคงค้างตามสัญญา ค่าจ้างสำหรับงานเพิ่มเติม ภาษีมูลค่าเพิ่ม และดอกเบี้ยผิดนัด ตามกฎหมาย และหนี้อุปกรณ์อื่น ๆ จำนวนรวม 131.1 ล้านบาท