ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค  (อ่าน 435 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
ตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาค หลายตลาดปิดตรุษจีน-นลท.ติดตามผลประกอบการบจ.

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากหลายตลาดปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูปัจจัยใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/64 และปี 64 ของบริษัทจดทะเบียนไทยอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือน มี.ค.65 มองว่าจะเข้ามาหนุนตลาดฯในเดือน ก.พ.นี้ ให้ฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง

ให้แนวรับไว้ที่ 1,635 จุด และแนวต้าน 1,645-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,725.47 จุด เพิ่มขึ้น 564.69 จุด หรือ +1.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,431.85 จุด พุ่งขึ้น 105.34 จุด หรือ +2.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,770.57 จุด ทะยานขึ้น 417.79 จุด หรือ +3.13%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 26.74 จุด หรือ -0.1%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 74.06 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ม.ค.)ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,639.51 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด (+0.33%)
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,125.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ม.ค.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ หรือ 1.08% แตะที่ 87.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ม.ค.) อยู่ที่ 7.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.43 แนวโน้มอ่อนค่า ให้กรอบ 33.35-33.55 จับตา Flow สิ้นเดือน
รายงานข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.พ.นี้ จะมีการเสนอแพ็กเกจและมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบอย่างแน่นอน หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับปรุงมาตรการมาอย่างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะความไม่เท่ากันของภาษีนำเข้า จากเดิมกำหนดรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นต้องเสียภาษีนำเข้า 20% ยุโรป 80% เกาหลีใต้ 40% ขณะที่นำเข้าจากจีนไม่เสียภาษี เพราะเป็นไปตามข้อตกลงกรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ทำให้มีความเหลื่อมล้ำกันสูง
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมได้คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในพื้นที่โครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ใน 3 จังหวัด คือ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ปี 65 อยู่ที่ 6,500-6,800 ราย ใกล้เคียงกับยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ในอีอีซีปี 64 ที่มี 6,698 ราย จากปัจจัยสนับสนุน คือ ภาคการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในปี 64 การส่งออกมีมูลค่า 8.542 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.91% จากปี 63 ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เพราะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวในปี 64 พบว่าการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะสามารถเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ในช่วงแรก แต่ก็ระงับไปในช่วงปลายปี หลังเกิดโอมิครอนระบาด ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพียง 427,869 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 93.62% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่าจะมีเข้ามา 500,000 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย อยู่ที่ 53.03 ล้านคน-ครั้ง ลดลง 41.44% สร้างรายได้แค่ 216,000 ล้านบาท ลดลง 55.15%
แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.ว่า ได้รับ หนังสือเรื่องการควบรวมกิจการโทรคมนาคม ระหว่าง บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE กับ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือดีแทค (DTAC) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้นำรายละเอียดเสนอ ต่อที่ประชุม โดยในวันพุธที่ 9 ก.พ. 2565 จะมีการประชุมบอร์ดอีกครั้ง
*หุ้นเด่นวันนี้

HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" คาดกำไร Q4/64 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง +79% Q-Q, +1% Y-Y หลังคลาย Lockdown ทำให้ SSSG ฟื้นแรง หนุนทั้งปี 64 คาด +2% Y-Y ส่วนปี 65 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องและได้อานิสงส์บางส่วนจากช้อปดีมีคืน นอกจากนี้ยังเน้นเพิ่มสินค้า House Brand เพื่อเพิ่ม Margin และเปิดสาขาใหม่เชิงรุกมากขึ้น เราคาดกำไรปี 65 +22% Y-Y คงราคาเป้าหมาย 18.30 บาท
TWPC ( คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.70 บาท) คาดความต้องการในผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังปี 65 ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนราคาส่งออกยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในทิศทางบวกตามความต้องการใช้ของจีน ในขณะที่ปริมาณหัวมันสำปะหลังในฤดูการผลิต ปี 64/65 คาดปริมาณ 33 ล้านตัน เพิ่มขึ้น +4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณน้ำฝนที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลัง โดยบริษัทมั่นใจปีนี้จะเติบโตแตะ 1 หมื่นล้านบาท วางงบลงทุนปีนี้ 300-400 ล้านบาท นอกจากการปรับปรุงการผลิตแล้ว ส่วนหนึ่งนำไปขยายธุรกิจพลาสติกชีวภาพ ช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรในอนาคต
SAT (เมย์แบงก์) แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 25.50 บาท การร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ "Tron E" จากไต้หวัน ประกอบรถบัสไฟฟ้า รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า เป็นจุดเริ่มรุกธุรกิจรถไฟฟ้า แต่คาดจะใช้เวลา และยังไม่สร้างรายได้มากนัก ผลประกอบการ 4Q64 จะไม่เด่น ถูกกระทบจากรายการพิเศษและต้นทุนเหล็กแพง แต่แนวโน้มปี 65 จะโตเด่น จากได้คำสั่งซื้อใหม่