ยอดค้าปลีกของออสเตรเลียลดลงในเดือนธ.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน และมีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลงอีกในเดือนนี้ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ลดลง 4.4% แตะ 3.19 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.253 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังจากทะยานขึ้น 7.3% ในเดือนพ.ย.
ยอดค้าปลีกยังคงเพิ่มขึ้น 4.8% ในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 4/2564 ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนมีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เบน เจมส์ ผู้อำนวยการฝ่ายสถิติรายไตรมาสของ ABS กล่าวว่า ยอดค้าปลีกยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระดับก่อนการแพร่ระบาด โดยมูลค่าการค้ารายเดือนของเดือนธ.ค.นั้นสูงสุดเป็นอันดับ 2
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งจัดการประชุมนโยบายครั้งแรกของปีในวันนี้ มีแนวโน้มขานรับยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งดังกล่าว และอาจตัดสินใจยุติโครงการซื้อพันธบัตรในเดือนนี้ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า RBA จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.1% แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียไม่ต้องการมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากการซื้อสินทรัพย์อีกต่อไป