ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.21 แข็งค่าตามทิศทางตลาดหลังนลท.เทขายดอลลาร์  (อ่าน 410 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • *
  • กระทู้: 1,190
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.21 แข็งค่าตามทิศทางตลาดหลังนลท.เทขายดอลลาร์ คาดกรอบ 33.10-33.30

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.21 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.28 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์อ่อนค่าหลังนักลงทุนเทขายดอลลาร์ทำ กำไร ขณะที่ตลาดต่างประเทศหลายแห่งปิดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุดในเทศกาลตรุษจีน

"บาทแข็งค่าต่อเนื่องจากเย็นวานนี้ตามทิศทางตลาดโลก หลังมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.10 - 33.30 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (31 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.25465% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.33564%

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 115.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 115.45 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1221 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1172 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.431 บาท/ดอลลาร์
คิกออฟรีเทิร์นรับนักท่องเที่ยว Test&Go วันนี้ เร่งฟื้นท่องเที่ยวไทย "ททท." ซักซ้อมผู้ประกอบการโรงแรม SHA++
สาธิตการใช้ระบบใหม่ Thailand Pass Hotel & Swap System อุดช่องโหว่ดึงนักท่องเที่ยวตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 วันแรก-วันที่
5 ศบค.เผย อ้าแขนรับทุกประเทศ ยันรัดกุมกว่าเดิม ขู่ใช้กฎหมายเล่นงานนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนหนีตรวจโควิด ย้ำผู้ประกอบการโรงแรมดูแล
เข้ม
คลัง ย้ำคนละครึ่งเฟส 4 เริ่มใช้วันนี้ (1 ก.พ.) แต่ต้องยืนยันตัวตนก่อน ส่วนคนที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการ จะเปิดให้
สมัคร 10 ก.พ.นี้ เตือนประชาชน เมื่อกดยืนยันสิทธิแล้ว ต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 28 ก.พ.นี้ ถ้าเลยกำหนดถูกตัดสิทธิทันที มั่น
ใจ "เป๋าตัง" ไม่ล่ม คาดสร้างเงินหมุนเวียนได้ 7-8 หมื่นล้านบาท
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บล.เกียรตินา
คินภัทรประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวได้ดีขึ้นโดยเศรษฐกิจน่าจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่
ค่อนข้างมากความกังวลเรื่องการระบาดของเชื้อโอไมครอนในไตรมาสที่หนึ่ง น่าจะมีผลกระทบในช่วงสั้นทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ
การกลับมาของนักท่องเที่ยวล่าช้าออกไป แต่น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะ
ปกติและยังคงการคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปีที่น่าจะโตได้ที่ระดับร้อยละ 3.9 ภายใต้สมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 5.8 ล้านคน
อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงแนวทางการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี ว่า ตลอด 2-3 สัปดาห์ที่
ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมหารือกับสมาคมดิจิทัลต่างๆ เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยกรมสรรพากรได้ออกร่างแนวทางการผ่อนปรนจัดเก็บภาษีจาก
สินทรัพย์ดิจิทัลไปแล้ว และในอนาคตจะเสนอแก้ไขประมวลรัษฎากรมาตรา 50 ที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย เพื่อลดความยุ่งยากของ
ประชาชนและนักลงทุนเกี่ยวกับภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเปลี่ยนให้เอ็กซ์เชนจ์ หรือผู้ประกอบการตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นผู้หักภาษี
และนำส่งกรมสรรพากร นอกจากนี้ เปลี่ยนประเภทการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลัก
ทรัพย์
โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้ ลงสู่ 3.2% จาก
3.8% เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างรุนแรงในช่วงต้นปี เนื่องจากมาตรการสนับสนุนด้านการคลังลด
ลง และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (31 ม.
ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากกระแสคาด
การณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (31 ม.ค.) โดยตลาดฟื้นตัวจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไร หลัง
จากราคาทองร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่
ปลอดภัย
ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือน
ม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.,
ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP,จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ
ขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน
เดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่ทำเนียบขาวเตือนว่า ตัวเลข
จ้างงานเดือนม.ค.ของสหรัฐอาจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลง จากเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ 3.9%

นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเกี่ยวกับประเด็นยูเครน โดยล่าสุด
รัฐบาลอังกฤษเตือนว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรธุรกิจและบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน หากรัสเซียกระทำ
การใด ๆ กับยูเครน ขณะที่นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า รัสเซียยังคงเพิ่มกำลังทหารใกล้ชายแดนยูเครนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา