PROEN ฤกษ์ดีรับปีขาล! ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร IDC แห่งใหม่ เพิ่มพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตร.ม. รองรับเครื่อง Server 1,000 Rack
สร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 360 ลบ.ต่อปี หนุนอนาคตโตก้าวกระโดด
PROEN ฤกษ์ดีรับปีขาล! ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร IDC แห่งใหม่ เพิ่มพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตร.ม. รองรับเครื่อง Server 1,000 Rack สร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 360 ลบ.ต่อปี หนุนอนาคตโตก้าวกระโดด
บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) ได้ฤกษ์ดีปีเสือทองทำพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ ชื่ออาคาร PROEN IDC ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ สามารถเพิ่มพื้นที่ให้บริการได้มากกว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถรองรับเครื่อง Server ไม่น้อยกว่า 1,000 Rack ฟากซีอีโอ" กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม" ระบุว่า อาคารดังกล่าวคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565 หรือไม่เกินไตรมาส 1/2566 สร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาทต่อปี หนุนการเติบโตก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) PROEN เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565 บริษัทฯ ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้างอาคาร PROEN IDC (Internet Data Center) ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ โดยมีดร.สาธิต พุทธชัยยงศ์ ประธานกรรมการ และกรรมการตรวจสอบ เป็นประธานในพิธีในครั้งนี้ สำหรับอาคารดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้ จะมีพื้นที่โดยรวมประมาณ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งมีศักยภาพในการให้บริการรองรับเครื่อง Server (Rack) ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 Rack และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 2565 หรือไม่เกินไตรมาส 1 ของปี 2566
"อาคารดังกล่าวจะเป็นอาคารที่เน้นการออกแบบให้คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และความเหมาะสมทางกายภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในการให้บริการเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี และเมื่ออาคารดังกล่าวเปิดใช้งานเต็มตามความสามารถแล้วคาดว่าจะสร้างรายได้กลับคืนให้บริษัทฯ ไม่น้อยกว่า 360 ล้านบาทต่อปี และจะเป็นฐานในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาวที่มีลักษณะเป็นรายได้ประจำ หรือ Recurring Income สนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาพรวมอุตสาหกรรม Data center ของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยการเติบโตประมาณ 20% ต่อปี ซึ่งในช่วงปี 2565 น่าจะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตระดับ 24% โดยจะมาจากการเติบโตของ public cloud เป็นหลัก เนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถประหยัดงบลงทุนในส่วนของอุปกรณ์ไอที และยังมีความยืดหยุ่นในการขยายหรือลดการใช้งานได้มากกว่าแบบ colocation หรือ private cloud อีกด้วย