AMA เป้าปี 65 รายได้ 2.7 พันลบ.หวังบ.ย่อยโตหนุน,
เล็งซื้อธุรกิจขนส่ง Frozen Foodนายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาม่า มารีน (AMA) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 2,700 ล้านบาท แม้ว่าธุรกิจการขนส่งน้ำมันทางเรือคาดว่าจะมีรายได้ราว 1,300 ล้านบาท โดยยอมรับว่าสถานการณ์ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากผลกระทบจากการขนส่งไปยังประเทศจีนจะต้องจอดเรือนานกว่าปกติ เนื่อจากยังใช้นโยบายเข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้น ธุรกิจการขนส่งทางเรือจึงอาจจะเติบโตได้ยาก
ส่วนการขนส่งน้ำมันทางบกให้กับ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 800-900 ล้านบาท โดยยังคงต้องติดตามนโยบายการผสมไบโอดีเซลของรัฐบาล จากในปีก่อนที่ใช้ B10 และลดลงมาเหลือ B7 ขณะที่ปัจจุบันมีโอกาสที่ภาครัฐบาลจะมีการปรับลดลงมาเหลือเพียง B5 ซึ่งจะกระทบต่ออัตราการทำกำไรของบริษัท เนื่องจากปริมาณการขนส่งเที่ยวกลับคือไบโอดีเซลจะลดลง ทำให้บริษัทได้มีการเจรจาและหาลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มการขนส่งเที่ยวกลับมากขึ้น และช่วยให้อัตรากำไรดีขึ้นด้วย
แต่บริษัทย่อย คือ บริษัท ทีเอสเอสเค โลจิสติกส์ จำกัด (TSSK) และบริษัท ออโต้ โลจิส จำกัด (AUTO) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 76% คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้เข้ามาราว 550 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่ทั้ง 2 บริษัทมีรายได้ราว 450 ล้านบาท โดย TSSK ประกอบธุรกิจบริการขนส่งก๊าซ ตู้คอนเทนเนอร์ ประเภทสินค้าเม็ดพลาสติกและปิโตรเคมี เป็นต้น ส่วน AUTO เป็นธุรกิจขนส่งรถยนต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างประมูลงานบริการกับลูกค้ารายเดิม จำนวน 30 คัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน เม.ย. นี้
"ต้องยอมรับว่ามีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ ทั้งเรื่องของราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และค่าบริการการขนส่งที่ปรับตัวขึ้นไม่ทันกับราคาเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมุ่งมั่นการบริหารงานที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะรักษามาร์จิ้นของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้"นายพิศาล กล่าว
ขณะที่บริษัทยังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยมองหาธุรกิจการขนส่งกลุ่มสินค้า Frozen Food เข้ามาเติมเต็มหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการการขนส่งสินค้าในกลุ่มนี้มีการเติบโตอย่างมาก และเชื่อว่าเทรนด์ของสินค้าในกลุ่มนี้จะยังคงเติบโตแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายลงไปแล้ว
"เรายังคงมองหาการเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเน้นไปในกลุ่มธุรกิจการให้บริการการขนส่ง เพื่อที่จะให้การบริการขนส่งที่ครอบคลุมไปในทุกกลุ่มธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งความพร้อมของเงินทุนของบริษัทจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกองรถบรรทุก และ เรือ ที่ผ่อนชำระหมดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลง และมีกระแสเงินสดเข้ามาเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้สถาบันทางการเงินสนับสนุนเงินลงทุนมากขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถขยายกิจการได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้"นายพิศาล กล่าว