ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์พักฐาน หลังพุ่งขึ้นวานนี้  (อ่าน 280 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0
ดาวโจนส์พักฐาน หลังพุ่งขึ้นวานนี้
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2022, 02:26:06 am »


ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพักฐานในการซื้อขายวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้

ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,135.34 จุด บวก 3.48 จุด หรือ 0.01%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนส่งแรงซื้อหุ้นโบอิ้ง และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.17%, ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 1.89% และดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 3.41%

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือนม.ค. ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 3.3% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 5.3% ทำสถิติเดือนม.ค.ที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และดิ่งลงมากที่สุดเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ส่วนดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 8.9% โดยปรับตัวลงมากที่สุดเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 เช่นกัน โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและรัสเซียในประเด็นยูเครน

แบงก์ ออฟ อเมริกาออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25%

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.

ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงิน 8 ครั้งในปีนี้ โดยจัดขึ้นในเดือนมกราคม, มีนาคม, พฤษภาคม, มิถุนายน, กรกฎาคม, กันยายน, พฤศจิกายน และธันวาคม

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดพุ่งแตะ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 0.00-0.25%

นอกจากนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกายังคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 จนแตะระดับ 2.75-3.00% ก่อนที่จะมีการทบทวนนโยบายการเงิน

นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่บริษัทจำนวน 172 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว โดยเกือบ 80% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ ตลาดรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%