เครดิตบูโรตระหนักถึงภัยไซเบอร์ทางการเงินและกลลวงขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เชิญตรวจเครดิตบูโรแบบสรุป (ฟรี) อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันและรู้เท่าทันภัยในสังคมดิจิทัล
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ตระหนักถึงภัยไซเบอร์ทางการเงินและกลลวงขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในสังคมดิจิทัล ประชาชนควรรู้เท่าทันภัยในรูปแบบต่าง ๆ จากมิจฉาชีพบน Social Media อีเมล ข้อความหลอกลวง หรือขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล สิ่งสำคัญคือหมั่นตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ทางการเงินที่เกิดขึ้นได้ สามารถตรวจเครดิตบูโรแบบสรุป (ฟรี) ได้ง่าย ๆ เพียงใช้บัตรประชาชนของตนเอง ที่ตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) ทุกแห่ง แอป "บูโร โอเค" ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขา และช่องทางอื่น ๆ รวมทั้งอีกหลากหลายช่องทางตรวจข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่งที่อำนวยความสะดวก และตอบโจทย์ความต้องการตามไลฟ์สไตล์ได้ง่าย ๆ รวดเร็ว สะดวกสบายยิ่งขึ้น
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร เปิดเผยว่า "จากประเด็นข่าวภัยไซเบอร์ทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมดิจิทัลที่อาจจะเป็นช่องโหว่การโจรกรรมออนไลน์ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยและความเสียหายทางการเงินได้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจึงควรมีสติ ระมัดระวังและมีความรู้เท่าทันกลลวง เพื่อป้องกันภัยไซเบอร์ทางการเงินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น มิจฉาชีพบน Social Media อีเมล ข้อความหลอกลวง หรือขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการตระหนักถึงภัยการเงินใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นกับตนเองโดยไม่รู้ตัว การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตของตนเองอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ทางการเงินและขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้เป็นอย่างดี ทำให้ทราบประวัติทางการเงินของตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลว่าถูกต้องครบถ้วนทันสมัยหรือไม่ ปัจจุบันนี้ เครดิตบูโรมีบริการตรวจเครดิตบูโรแบบสรุป (ฟรี) ได้ง่าย ๆ เพียงใช้บัตรประชาชนของตนเองที่ตู้คีออสทุกแห่ง แอป "บูโร โอเค" ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขา และช่องทางอื่น ๆ รวมทั้งช่องทางการเข้าถึงรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น และรองรับความต้องการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของประชาชนเข้าถึงรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง"
ปัจจุบันการใช้บริการธุรกรรมผ่านออนไลน์มีมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากการโจรกรรมออนไลน์ก็อาจจะสูงขึ้นด้วย ประชาชนจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตามข่าวสาร เพื่อรู้เท่าทันกลลวงที่มักจะมาในรูปแบบของอีเมล เอสเอ็มเอส หรือ ช่องทาง Social Media ต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากภัยไซเบอร์ ได้แก่ 1) มิจฉาชีพบน Social Media นับเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพเข้าแสวงหาผลประโยชน์โดยใช้ข้อมูลหรือการโพสต์ต่าง ๆ เข้าปลอมแปลงหรือสวมรอยด้วยวิธีการต่าง ๆ ถึงเจ้าของข้อมูลได้ 2) อีเมล ข้อความหลอกลวง หรือขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ปัจจุบันเป็นที่นิยมของการหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพ มักแอบอ้างว่าเป็นบุคคล หน่วยงานที่น่าเชื่อถือ สถาบันการเงิน เพื่อลวงให้ทำธุรกรรมต่าง ๆ เช่น หลอกกู้ออนไลน์ ลงทุนแชร์ลูกโซ่ หลอกจะช่วยการกู้ หรือจ่ายหนี้ให้ หรือได้รับพัสดุสิ่งของแต่ให้โอนค่าธรรมเนียมไปก่อน และลวงว่าท่านไปเกี่ยวพันกับการกระทำผิด โดยขอรหัสผ่านหรือหมายเลขบัตร หรือให้คลิกไฟล์ต่าง ๆ จนเข้าไปเจาะข้อมูลสำคัญจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือได้ 3) การขโมยข้อมูลส่วนบุคคล ปัจจุบันมักมีข่าวเว็บไซต์และบริการหลายแห่งถูกแฮกข้อมูล หรือข้อมูลรั่วไหลออกมาบ่อยครั้ง เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตรเครดิต มิจฉาชีพสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเข้าถึงบัญชีผู้ใช้งานหรือกระทำการใดโดยมิชอบในนามของเราได้
ทั้งนี้ ภัยไซเบอร์ทางการเงินนั้นมีหลากหลายรูปแบบและอาจส่งผลกระทบต่อตัวเราครอบครัว ดังนั้น ประชาชนจำเป็นต้องมีสติ ตระหนักและรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ อย่าหลงเชื่อวิธีการจากข้อความผ่านแชท อีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือจากคอลเซ็นเตอร์ เพื่อร้องขอให้กระทำการใด ๆ การโอนเงิน หรือขอข้อมูลส่วนตัว หรือหากได้รับอีเมล ข้อความต้องสงสัยควรตรวจสอบผู้ส่ง เนื้อหาและลิงก์ภายในอีเมลโดยละเอียดทุกครั้ง และไม่ให้ข้อมูลสำคัญกับเว็บไซต์หรือบริการใด ๆ หากไม่จำเป็น รวมทั้งการอัปเดตอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่ออุดช่องโหว่งด้านความปลอดภัย ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน
สำหรับประโยชน์ของการตรวจข้อมูลเครดิตของตนเองที่จะช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ทางการเงินที่เกิดขึ้นกับตนเองแล้วนั้น ยังมีความสำคัญและเหตุผลดี ๆ ที่เราควรหมั่นตรวจเครดิตบูโรอย่างสม่ำเสมอ คือ 1) ช่วยเช็กว่าเรามี "หนี้งอก" โดยที่เราไม่ได้ก่อหรือไม่ 2) เช็กว่าข้อมูลส่วนบุคคลในข้อมูลเครดิตถูกต้องตามความจริงหรือไม่ 3) ข้อมูลสินเชื่อของเราถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องสามารถขอแก้ไขได้ 4) เช็กให้ชัวร์ว่าเรามีประวัติค้างชำระหรือไม่ 5) เช็กหลังจากที่จ่ายหนี้หมดแล้ว สถานะข้อมูลเครดิตขึ้นเป็นปิดบัญชี ยอดหนี้เป็นศูนย์ถูกต้องหรือไม่ 6) การเตรียมความพร้อมก่อนขอสินเชื่อ ทั้งนี้ กรณีที่ท่านตรวจข้อมูลเครดิตของตนเองผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เครดิตบูโรให้บริการนั้น จะตรวจกี่ครั้งก็ไม่มีผลต่อการพิจารณาขอสินเชื่อของธนาคารหรือสถาบันการเงินแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นสิทธิพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตของตนเอง
ท่านสามารถตรวจเครดิตบูโรได้หลากหลายช่องทางที่สะดวกและรวดเร็ว ดังนี้ 1) ตรวจข้อมูลเครดิตแบบสรุป (ฟรี) ผ่านแอป "ทางรัฐ" หรือตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) แอป "Bureau OK" หรือตู้ตรวจเครดิตบูโรด้วยตนเอง (ตู้คีออส) ทุกแห่ง (สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง หมอชิต ชิดลม (ภายในสถานี) สถานีกลางบางซื่อ ท่าเรือ ท่าวังหลัง และชั้น 4 ศูนย์การค้า ดิ อเวนิว รัชโยธิน กรุงเทพฯ) หรือที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ 2) โมบายแอป เลือกรับรายงาน รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ทางอีเมล แบบรับรายงานได้ทันที ผ่านแอป "KKP Mobile" (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร) แอป "Bureau OK" (ลงทะเบียนใช้บริการได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง) หรือเลือกแบบรับรายงานภายใน 24 ชั่วโมง ผ่านแอป "Krungthai NEXT" (ธนาคารกรุงไทย) แอป "MyMo" (ธนาคารออมสิน) หรือเลือกรับรายงานภายใน 3 วันทำการ ผ่านแอป "ttb touch" (ธนาคารทีทีบี) 3) ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร แบบรอรับรายงานได้ภายใน 15 นาที ใช้บัตรประชาชนของตนเอง ได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (สำนักงานใหญ่) อาคาร 2 ชั้น 2 หรือเครดิตบูโรคาเฟ่ อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 หรือสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง หมอชิต และชิดลม (ภายในสถานี) ท่าเรือ ท่าวังหลัง และห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 3 4) แบบส่งรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการ ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร (ทุกสาขา) กรุงไทย กรุงศรี ธอส. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และ ธ.ก.ส. หรือใช้บัตร ATM กรุงไทย ไทยพาณิชย์ หรือผ่านธนาคารออนไลน์ กรุงไทย กรุงศรี หรือเคาน์เตอร์บริการที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ
ล่าสุด เครดิตบูโรได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง เปิดให้บริการ "Bureau Lab" (บูโร แล็บ) ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ท่าวังหลัง ฝั่งธนบุรีแห่งแรกบริการตู้คีออสรอรับรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ทางอีเมลได้ทันที บริการรายงานข้อมูลเครดิตแบบสรุป (ฟรี) หรือตรวจแบบรับรายงานเครดิตบูโรรูปแบบเอกสารที่เคาน์เตอร์ที่รอรับรายงานได้อีกด้วย รวมถึงบริการลงทะเบียนยืนยันตัวตนก่อนใช้แอป "Bureau OK" เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.00-18.00 น. สิทธิพิเศษตรวจเครดิตบูโรฟรี! สำหรับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ณ ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร "ท่าวังหลัง" (บริเวณทางเข้า-ออก ท่าเรือและใกล้ประตู 8 ของโรงพยาบาลศิริราช) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 เพื่อเป็นการขอบพระคุณและให้กำลังใจแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นแกนหลักในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในศูนย์ฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันความสูญเสียให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพียงแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่เครดิตบูโร รับอีคูปองสำหรับใช้บริการ ตู้คีออส เพื่อรับรายงานเครดิตบูโรรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB e-Credit Report) ฟรี! ทางอีเมลได้ทันที (เฉพาะบุคคลธรรมดา ไม่รวมบริการตรวจเครดิตสกอริ่ง สงวนสิทธิ์เฉพาะผู้ที่มาใช้บริการด้วยตัวเอง และหลักฐานที่นำมาแสดงต้องเป็นของตนเองเท่านั้น) ขยายระยะเวลาเพิ่มขึ้น จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.ncb.co.th หรืออีเมล
consumer@ncb.co.thเครดิตบูโรตระหนักและให้ความสำคัญ เรื่อง "การป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID-19) โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการและเจ้าหน้าที่ ภายในศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง ได้แก่ การใส่หน้ากากอนามัย ตรวจอุณหภูมิ บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ จัดลำดับการเว้นระยะห่าง ระหว่างการให้บริการ การชำระเงินผ่าน QR Code เพื่อลดการสัมผัส และการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการระบาดโควิด-19 ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแนะนำไว้ อีกทั้ง เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม เป็นที่เรียบร้อยและผ่านการตรวจแบบเร่งด่วน (ATK) ก่อนมาปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ